ผลกระทบของการเลือกตั้งอิสราเอลต่ออนาคตทางการเมืองของภูมิภาคตะวันออกกลาง
Anh Huyen- VOV5 -  
(VOVWORLD) -วันที่ 17 กันยายน บรรดาผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอิสราเอลได้ออกไปลงคะแนนครั้งที่ 2 ของปีนี้ ซึ่งผลการลงคะแนนครั้งนี้จะตัดสินอนาคตทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ซึ่งมีแนวคิดชาตินิยมและอนุรักษนิยมที่แข็งกร้าวแต่ไม่ว่านายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮูจะได้รับชัยชนะหรือไม่การเลือกตั้งครั้งนี้ของอิสราเอลก็จะส่งผลต่ออนาคตของภูมิภาคตะวันออกกลาง
การประชุมรัฐสภาอิสราเอล (Photo: THX/TTXVN) |
นี่เป็นการลงคะแนนครั้งที่ 2 ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาของประเทศอิสราเอล ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่างพรรคลิคุดของนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮูกับพรรคคาโฮล ลาวานของนายพล เบนนี กันต์ อดีตประธานคณะเสนาธิการทหาร ในการเลือกตั้งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา พรรคลิคุดของนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮูและพรรคการเมืองฝ่ายขวา ได้รับที่นั่งข้างมากในรัฐสภาแต่ยังไม่สามารถจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาลได้เนื่องจากความขัดแย้งเกี่ยวกับกฎหมายการเกณฑ์ทหาร ซึ่งความชะงักงันนี้บังคับให้นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮูต้องยุบสภาและจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด
ยังคงเป็นยุทธศาสตร์เก่า
ก่อนการลงคะแนน นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮูได้ทำให้สถานการณ์ในภูมิภาคตึงเครียดมากขึ้นผ่านการประกาศต่างๆ โดยยืนยันว่า ถ้าหากได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ สิ่งแรกที่เขาจะทำคือผนวกหุบเขาจอร์แดน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขตเวสต์แบงก์เข้าเป็นดินแดนของอิสราเอล ก่อนหน้านั้น นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ได้เปิดเผยหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า อิหร่านมีสถานที่ผลิตนิวเคลียร์ลับในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับอิหร่านกำลังเลวร้ายเป็นอย่างมาก ซึ่งถือเป็นการกระทำที่สนับสนุนประเทศพันธมิตรสหรัฐของอิสราเอล ก่อนการเลือกตั้งนี้ นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ยังได้จับมือกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดีเมียร์ ปูติน ณ กรุงมอสโคว์ ตลอดจนเร่งผลักดันการลงนามสนธิสัญญาการป้องกันตนเองระหว่างอิสราเอลกับสหรัฐ
บรรดาผู้สังเกตการณ์เห็นว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอลทำอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา นาย เบนจามิน เนทันยาฮูก็เคยกระทำในลักษณะนี้เพื่อเรียกคะแนนสนับสนุนจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งโดยอ้างว่าเพื่อ “ปกป้องผลประโยชน์ของชาติและขยายดินแดน” อีกทั้ง ยังเคยเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์รับรองเขตที่ราบสูงโกลันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของอิสราเอล ดังนั้น การผนวกรวมเขตที่อยู่อาศัยในเขตเวสต์แบงก์จึงเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮูนับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาแล้ว ก่อนการเลือกตั้งเมื่อเดือนเมษายน นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮูก็ได้เดินทางไปยังสหรัฐ ส่วนในครั้งนี้ ตัวเขาได้เดินทางไปยังรัสเซียเพื่อผลักดันความสัมพันธ์ทวิภาคีกับรัสเซีย
นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู (Photo: TTXVN) |
ความไร้เสถียรภาพในภูมิภาคตะวันออกกลาง
มีความเป็นไปได้ที่ความเฉียบแหลมทางการเมืองและยุทธศาสตร์การเรียดความไว้วางใจจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะช่วยให้นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮูได้รับชัยชนะแต่ในอีกด้าน ชัยชนะนี้จะทำลายความหวังเกี่ยวกับมาตรการ 2 รัฐอยู่ร่วมกันอย่างสันติในการแก้ไขปัญหาการพิพาทระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์และยืนหยัดความไร้เสถียรภาพในภูมิภาคตะวันออกกลาง ถ้ากล่าวตามจริง ไม่ว่าพรรคใดได้รับชัยชนะ แนวทางยึดครองเขตเวสต์แบงก์ก็ยังคงเป็นผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของรัฐอิสราเอลและเป็นนโยบายที่อิสราเอลจะไม่ผ่อนปรนเด็ดขาด ดังนั้น การประกาศจะผนวกรวมหุบเขาจอร์แดนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอิสราเอลได้สร้างความวิตกกังวลให้แก่ประชามติ คุกคามต่อกระบวนการสันติภาพในภูมิภาคตะวันออกกลาง ทำลายความหวังเกี่ยวกับการฟื้นฟูการเจรจาระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ซึ่งเมเมื่อมีการปฏิบัติขึ้นจริง ก็จะทำลายความพยายามเพื่อยุติการปะทะระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ เพิ่มความขัดแย้งและความเป็นอริระหว่างประเทศอาหรับกับอิสราเอลที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลาหลายปี
นอกจากนี้ ปฏิบัติการของนายกรัฐมนตรีอิสราเอลยังอาจสร้างเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีในการใช้กำลังทหารและอำนาจทางเศรษฐกิจของตนเพื่อปฏิบัตินโยบายยึดครองดินแดน ซึ่งแผนการดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติมติและสนธิสัญญาระหว่างประเทศ รวมทั้ง กฎหมายสากลและเพิ่มกระแสต่อต้านชาวยิวไม่เพียงแต่ในดินแดนของปาเลสไตน์ ประเทศต่างๆในภูมิภาคตะวันออกกลางเท่านั้นหากยังอาจจะบานปลายถึงโลกมุสลิมและอาหรับอีกด้วย ซึ่งความมั่นคงในภูมิภาคตะวันออกกลางกำลังต้องเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายครั้งใหญ่.
Anh Huyen- VOV5