(VOVworld)- เหตุการณ์ที่ทหารอเมริกันในฐานทัพอากาศบาแกรม ทางตอนเหนือของกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถานได้เผาทำลายคัมภีร์อัลกุรอานนั้นไม่เพียงแต่ก่อมรสุมลูกใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับอัฟกนิสถานเท่านั้นหากยังส่งผลเสียต่อทางการของทั้งสองประเทศในช่วงที่ถือว่ามีความอ่อนไหวดังปัจจุบันนี้ด้วย.

การปะทะระหว่างกองกำลังรักษาความมั่นคงกับผู้ชุมนุม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน (photo: internet)

    หลังจากที่ข่าวการค้นพบเศษชิ้นส่วนคัมภีร์อัลกุรอานจำนวนมากที่กองขยะบริเวณฐานทัพอากาศบาแกรม  ซึ่งเป็นฐานทัพที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐในอัฟกานิสถานถูกเผยแพร่ออกไป ชาวอัฟกานิสถานกว่า2พันคนก็ได้ทำการชุมนุมประท้วงที่หน้าฐานทัพและถึงแม้เหตุการณ์จะล่วงเลยไป1สัปดาห์แล้วแต่กระแสการคัดค้านของชาวอัฟกานิสถานก็ยังคงทวีความรุนแรงมากขึ้นจนนำไปสู่เหตุวุ่นวายแม้ว่าบรรดาเจ้าหน้าที่สหรัฐรวมทั้งประธานาธิบดีบารักโอบามาและพลเอก จอห์น อัลเลน ผู้บัญชาการกองกำลังทหารสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรนาโต้ในอัฟกานิสถานได้ออกมากล่าวขอโทษอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลอัฟกานิสถานแล้วก็ตามโดยถือว่านี่เป็น อุบัติเหตุ และไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนและท่าทีของกองทัพสหรัฐต่อการประกอบศาสนกิจของชาวอัฟกานิสถาน แต่ดูเหมือนคำขอโทษเหล่านั้นจะดังไปไม่ถึงบรรดาผู้ประท้วงในอัฟกานิสถาน โดยเหตุการณ์ยังบานปลายจนมีการโจมตีใส่ทหารอเมริกันและฐานทัพทหารสหรัฐในอัฟกานิสถานรวมไปถึงการสังหารเจ้าหน้าที่ปรึกษาด้านการทหารสหรัฐ2นาย ซึ่งการปะทะระหว่างกองกำลังรักษาความมั่นคงกับผู้ชุมนุมก็ได้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน  กระแสความโกรธแค้นก็ได้ลุกลามไปยังประเทศเพื่อนบ้านปากีสถานโดยเมื่อวันที่24ที่ผ่านมา ณ กรุงอิสลามาบัตและนครใหญ่ๆอีกหลายแห่ง นักบวชและนักเคลื่อนไหวได้ทำการชุมนุมประท้วงเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการเผาคัมภีร์อัลกุรอานเช่นกัน  ซึ่งนี่ก็มิใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุเผาคัมภีร์มุสลิมเพราะเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว การที่นักบวช Wayne Sapp ประจำโบสถ์คริสต์แห่งหนึ่งในมลรัฐฟลอริดา-สหรัฐได้เผาคัมภีร์อัลกุรอาน1เล่มก็ถือเป็นการจุดไฟแห่งความโกรธแค้นระหว่างโลกอิสลามกับสหรัฐ ดังนั้นเหตุการณ์ครั้งนี้แม้จะไม่ได้เกิดขึ้นโดยเจตนาแต่ก็ส่งผลให้เกิดการใช้ความรุนแรงและส่งเสริมแนวคิดต่อต้านสหรัฐในอัฟกานิสถาน ทำให้กองกำลังต่างชาติที่ประจำการในประเทศนี้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากขึ้น ส่วนความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับประเทศอิสลามต่างๆก็มีความร้าวลึกยิ่งขึ้น นอกจากนั้น เหตุวุ่นวายที่เกิดขึ้นนั้นก็ตรงกับช่วงที่สหรัฐกำลังพยายามสร้างเสถียรภาพในอัฟกานิสถานก่อนที่จะถอนทหารทั้งหมดในปี2014 และการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งทำให้สหรัฐและนาโตต้องเตรียมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ

      ในขณะที่สหรัฐต้องการให้กองกำลังของนาโตมีบทบาทมากขึ้นเพื่อสร้างเสถียรภาพให้แก่อัฟกานิสถานนั้น เมื่อวันที่23เดือนนี้เยอรมนีซึ่งเป็นประเทศที่มีกำลังทหารมากเป็นอันดับ3ในกองกำลังพันธมิตรได้ถอนกำลังออกจากฐานทัพที่ตาลูกวานภายหลังเกิดเหตุชุมนุมอย่างสันติของกลุ่มชาวอัฟกานิสถานประมาณ300คนบริเวณด้านนอกฐานทัพแห่งนี้ ส่วนเมื่อวันที่25ที่ผ่านมา กองกำลังสนับสนุนความมั่นคงนานาชาติ หรือ ไอเอสเอเอฟประจำในอัฟกานิสถานก็ได้ถอนเจ้าหน้าที่ทั้งหมดออกจากสำนักงานระดับกระทรวงในกรุงคาบูลและเขตที่ใกล้เคียงด้วยเหตุผลเพื่อความปลอดภัยหลังจากที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปรึกษาด้านการทหารสหรัฐ2คนถูกสังหารที่กระทรวงมหาดไทยอัฟกานิสถาน  ในขณะที่ฝ่ายค้านในสหรัฐกำลังใช้กรณีดังกล่าวเป็นเครื่องมือเพื่อลดคะแนนนิยมของประธานาธิบดีบารักโอบามาในการหาเสียง และทำเนียบขาวก็ต้องทำการชี้แจงหลังจากที่นายนิวต์ กิงกริช ผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกันได้ตำหนินายโอบามาว่า การที่นายโอบามาส่งจดหมายขอโทษชาวอัฟกานิสถานตรงกับวันที่ทหารอัฟกานิสถานยิงทหารอเมริกันเสียชีวิต2นายนั้นเป็นความผิดพลาดและน่าอัปยศอดสู และสถานการณ์ยิ่งยากที่จะควบคุมเมื่อกองกำลังตาลิบันในอัฟกานิสถานได้พยายามเรียกร้องให้ประชาชนขยายการชุมนุม เพิ่มการโจมตีและสังหารทหารต่างชาติเพื่อแก้แค้น

      ถึงแม้สหรัฐและนาโตสามารถโค่นล้มกลุ่มตาลิบันมานานแล้วถึง10ปีแต่สถานการณ์ความมั่นคงในอัฟกานิสถานก็ยังไม่ได้รับการฟื้นฟูและชาวอัฟกานิสถานก็ยังไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแม้แต่วันเดียว โดยความระแวงสงสัยและการเผชิญหน้าระหว่างชาวอัฟกานิสถานกับกองกำลังต่างชาติในประเทศนี้ที่ยืดเยื้อมานานก็มีโอกาสลุกลามอีกครั้งภายหลังเหตุเผาคัมภีร์ อัลกุรอาน ซึ่งได้ทำให้ปัญหาความมั่นคงของอัฟกานิสถานที่มีความซับซ้อนอยู่แล้วนั้นก็ยิ่งยากที่จะควบคุมมากขึ้น./.