พัฒนาอินเตอร์เนตให้เป็นเครื่องมือสื่อสารที่มีประโยชน์

(VOVworld) –   เมื่อเร็วๆนี้ นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ชี้นำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการสืบสวนและจัดการผู้อยู่เบื้องหลังที่ปล่อยข่าวให้ร้าย ปั้นน้ำเป็นตัว บิดเบือนความจริงเพื่อใส่ร้ายผู้นำประเทศ สร้างความปั่นป่วนพรรคและรัฐ และก่อให้เกิดกระแสความสงสัยและความไม่ไว้วางใจในสังคมโดยนี่ถือเป็นการชี้นำโดยตรงของหัวหน้ารัฐบาลต่อกระบวนการบริหารเพื่อให้อินเตอร์เนตกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารที่มีประโยชน์ในเวียดนาม

(VOVworld) –   เมื่อเร็วๆนี้ นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ชี้นำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการสืบสวนและจัดการผู้อยู่เบื้องหลังที่ปล่อยข่าวให้ร้าย ปั้นน้ำเป็นตัว บิดเบือนความจริงเพื่อใส่ร้ายผู้นำประเทศ สร้างความปั่นป่วนพรรคและรัฐ และก่อให้เกิดกระแสความสงสัยและความไม่ไว้วางใจในสังคมโดยนี่ถือเป็นการชี้นำโดยตรงของหัวหน้ารัฐบาลต่อกระบวนการบริหารเพื่อให้อินเตอร์เนตกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารที่มีประโยชน์ในเวียดนาม
พัฒนาอินเตอร์เนตให้เป็นเครื่องมือสื่อสารที่มีประโยชน์ - ảnh 1
ท่านNguyễn Tấn Dũngนายกรัฐมนตรีเวียดนามชี้นำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการสืบสวนและจัดการผู้อยู่เบื้องหลังที่ปล่อยข่าวให้ร้าย ปั้นน้ำเป็นตัว บิดเบือนความจริงเพื่อใส่ร้ายผู้นำประเทศ สร้างความปั่นป่วนพรรคและรัฐ(Photo:Internet)

  ก่อนที่ท่านNguyễn Tấn Dũngนายกรัฐมนตรีออกมติฉบับนี้ รายงานของกระทรวงรักษาความมั่นคงทั่วไป กระทรวงสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และให้การศึกษาส่วนกลางและสำนักงานคณะกรรมการกลางพรรคได้ระบุว่า ในเวลาที่ผ่านมา บางเว็บไซต์ได้เสนอข่าวที่กล่าวหา ปั้นน้ำเป็นตัว บิดเบือนความจริงเกี่ยวกับกลไกบริหารประเทศ แนวทาง นโยบายของพรรคและรัฐเวียดนาม โฆษณาชวนเชื่อคุณค่า“เสรีภาพ” “ประชาธิปไตย”แบบตะวันตก ในทางเป็นจริง เว็บไซต์ดังกล่าวและเว็บไซต์อื่นๆขององค์การปฏิกิริยาต่างประเทศกำลังก่อความปั่นป่วนวุ่นวายต่อการสื่อสารบนเครือข่ายอินเตอร์เนต ยุยงส่งเสริมให้ต่อต้านพรรคและรัฐ สร้างความไม่ไว้วางใจในหมู่ประชาชนเกี่ยวกับภารกิจการสร้างสรรค์ พัฒนาและเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศ ในการพัฒนาอย่างเข้มแข็งของเทคโนโลยีสารสนเทศในเวียดนาม โดยเฉพาะ อินเตอร์เนต ได้มีผู้ใช้อินเตอร์เนตกว่า๓๐,๘ล้านคนซึ่งเป็นกว่าร้อยละ๓๕ของจำนวนประชากรเวียดนามในปัจจุบันซึ่งเป็นช่องทางบริโภคข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็วและมีความหลากหลาย แต่อีกด้านพวกเขาก็ถูกก่อความเดือดร้อนจากแหล่งข้อมูลข่าวสารที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ ไม่มีที่มา ขัดกับหลักการและ เป้าหมายอันสูงส่งของการประชาสัมพันธ์ เช่น ข้อมูลข่าวสารบนเว็บไซต์ที่ปฏิกิริยาซึ่งในการประชุมวีดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นายNguyễn Bắc Son รัฐมนตรีกระทรวงสื่อสารและประชาสัมพันธ์ได้กล่าวว่า ข้อมูลข่าวสารที่กล่าวหา บิดเบือน ปั้นแต่งดังกล่าวต้องได้รับการบริหาร ตรวจสอบและมีระเบียบการลงโทษอย่างที่เป็นรูปธรรม และยืนยันว่า “แม้นี่เป็นการกระทำที่ขัดกับกฏหมายหนังสือพิมพ์และกฏหมายอื่นๆแต่ต้องมีระเบียบการลงโทษเพราะเป็นการกระทำที่ละเมิดศักดิ์ศรี สิทธิเสรีภาพและทำให้บุคคล เสียชื่อเสียง สำนักงานบริหารการประชาสัมพันธ์กำลังร่างระเบียบการบริหารอินเตอร์เนตรวมทั้งบริหารเกมส์online และบล๊อกแทนที่มติ๙๗เพื่อส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของทุกคนแต่ก็สามารถจำกัดการกระทำที่ฉกฉวยอินเตอร์เนตเพื่อละเมิดสิทธิเสรีภาพบุคคลและฝ่าฝืนกฏหมาย” อินเตอร์เนตได้รับการเผยแพร่ในเวียดนามเมื่อปลายทศวรรษ๙๐ จากนโยบายพัฒนาอินเตอร์เนตของรัฐบาลเวียดนาม จำนวนผู้ใช้อินเตอร์เนตได้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคุณพร้อมกับหนังสือพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์นับร้อยฉบับและเว็บไซท์ของหน่วยงาน องค์การมวลชน ท้องถิ่นและบล๊อกส่วนบุคคลอีกเป็นจำนวนมากซึ่งในนั้นมีบางเว็บไซต์กำลังใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเพื่อผลักดันกระบวนการผันผวนสันติภาพ ยุยงส่งเสริมให้โค่นล้มระบอบ ด้วยเหตุนี้ มติดังกล่าวของนายกรัฐมนตรีNguyễn Tấn Dũngจึงแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะยับยั้งการกระทำที่ใช้เสรีภาพสื่อมวลชนเพื่อต่อต้านรัฐและเสนอเนื้อหาที่ไม่สอดคล้องกับขนบธรรมเนียมประเพณี รุกล้ำผลประโยชน์และส่งผลกระทบในทางลบต่อประชาคม อีกทั้งเป็นการปฏิบัติตามแนวทางพัฒนาควบคู่กับการบริหารอินเตอร์เนตซึ่งเป็นก้าวเดินที่จำเป็นไม่เพียงแต่ต่อเวียดนามเท่านั้นแต่รวมไปถึงทุกประเทศที่มีอธิปไตยในการบริหารข้อมูลข่าวสารบนอินเตอร์เนต นอกจากการยับยั้งข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแล้ว เวียดนามจะพัฒนาเครือข่ายสังคม ปรับปรุงวิธีการประชาสัมพันธ์บนอินเตอร์เนตเพื่อให้อินเตอร์เนตเป็นเครื่องมือสื่อสารที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาสังคม นายNguyễn Thế Kỷ รองหัวหน้าคณะกรรมการประชาสัมพันธ์และให้การศึกษาส่วนกลางกล่าวว่า “กลไกสื่อสารมวลชนภายในประเทศ รวมทั้งหนังสือพิมพ์อินเตอร์เนตต้องรายงานข่าวอย่างรวดเร็ว ทันการณ์ แม่นยำและเป็นประโยชน์เพื่อดึงดูดผู้อ่านภายในประเทศ เมื่อได้รับสนองข้อมูลข่าวสารอย่างครบถ้วนแล้ว พวกเขาจะไม่หาข้อมูลข่าวสารจากภายนอก คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และให้การศึกษาส่วนกลาง กระทรวงสื่อสารและประชาสัมพันธ์ สมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนามจะร่างระเบียบเกี่ยวกับการสนองข้อมูลข่าวสารให้สื่อมวลชนอย่างรวดเร็วและครบถ้วนยิ่งขึ้น พวกเราต้องเสนอความจริงและมีการกำหนดแนวทางความสนใจเพื่อให้มวลชนเข้าใจ”           

พัฒนาอินเตอร์เนตให้เป็นเครื่องมือสื่อสารที่มีประโยชน์ - ảnh 2
ในเวียดนามมีผู้ใช้อินเตอร์เนตกว่า๓๐,๘ล้านคนซึ่งเป็นกว่าร้อยละ๓๕ของจำนวนประชากรในปัจจุบัน(Photo:Internet)

ในทางเป็นจริง ข้อมูลข่าวสารบนอินเตอร์เนตมีประโยชน์มากมายสำหรับผู้อ่านแต่มิใช่เป็นกุญแจอเนกประสงค์เพื่อแก้ไขทุกปัญหาในชีวิต ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลเวียดนามจึงอำนวยความสะดวกเพื่อให้อินเตอร์เนตพัฒนาความได้เปรียบเพื่อมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมแต่ก็พยายามบริหารเพื่อยับยั้งและลดผลกระทบในทางลบจากอินเตอร์เนตเพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยทางสังคมและความมั่นคงของประเทศซึ่งไม่เพียงแต่เวียดนามเท่านั้นหากหลายประเทศในโลกก็ทำเช่นนี้./.



ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด