พร้อมสนทนาเพื่อลดความแตกต่างด้านสิทธิมนุษยชน
Thu Hoa -  
(VOVWORLD) - เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ประกาศรายงานสิทธิมนุษยชนประจำปี 2022 โดยระบุว่า “บางประเทศในเอเชีย รวมถึงเวียดนามได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนในด้านต่างๆมากมาย” ซึ่งนี่เป็นการประเมินและการอ้างเหตุผลที่ขาดภาวะวิสัย ไม่สะท้อนสถานการณ์การปฏิบัติสิทธิมนุษยชนที่แท้จริงในเวียดนาม ซึ่งในกรอบความสัมพันธ์ที่ดีงามระหว่างสองประเทศ เวียดนามพร้อมสนทนากับสหรัฐเพื่อลดความแตกต่างในการประเมินปัญหานี้
เวียดนามพร้อมสนทนากับสหรัฐเพื่อลดความแตกต่างในการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน (tuyengiao.vn) |
รายงานด้านสิทธิมนุษยชนประจำปี 2022 ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐสะท้อนทัศนะและอคติของเฉพาะบุคคล โดยไม่อ้างอิงเหตุการณ์ ข้อมูลและหลักฐานทางวิชาการที่ถูกต้อง โดยบุคคลบางคน ที่รายงานได้เอ่ยชื่อนั้นล้วนเป็นกลุ่มผู้ที่ไม่หวังดี ใช้ข้ออ้างเกี่ยวกับประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนเพื่อต่อต้านรัฐ คุกคามต่อความมั่นคงและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของประเทศ จากนั้นกล่าวหาเวียดนามว่า ทำการจับกุมสอบสวนและดำเนินคดีกรณีต่างๆโดยไม่มีหลักฐานตามกฎหมาย แทรกแซงสิทธิส่วนบุคคล ละเมิดสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการใช้อินเตอร์เน็ตเป็นต้น
ต้องประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเวียดนามอย่างมีภาวะวิสัย จริงจังและถูกต้อง
ทั้งนี้ ดูเหมือนว่า คุณค่าด้านประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนที่ถูกระบุในรายงานสิทธิมนุษยชนประจำปี 2022 ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐมุ่งเน้นผลประโยชน์ของกลุ่มคนบางส่วนเท่านั้น ซึ่งเป็นการประเมินที่ผิดพลาด ขาดภาวะวิสัยเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในเวียดนามเพราะเวียดนามไม่ได้ส่งเสริมประชาธิปไตยแบบเกินขอบเขต และการใช้ประชาธิปไตยกับสิทธิมนุษยชนเพื่อเป็นโล่บังหน้าสำหรับการละเมิดอธิปไตย ผลประโยชน์ของชาติ ของส่วนรวมและบุคคล ส่งผลกระทบในทางลบต่อความมั่นคงและความเป็นระเบียบทางสังคม ซึ่งประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนที่เวียดนามมุ่งสร้างสรรค์และปฏิบัติจะต้องสอดคล้องและเหมาะสมกับการพัฒนาของสังคมและต้องค้ำประกันเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชาติ
บรรดาผู้เชี่ยวชาญได้เห็นว่า เพื่อประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเวียดนามอย่างถูกต้องและตรงความเป็นจริง กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐต้องอ้างอิงข้อมูลและเอกสารที่น่าเชื่อถือและมีภาวะวิสัย การสำรวจและรวบรวมข้อมูลต้องเกาะติดสถานการณ์และมีการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเวียดนามเพราะหน่วยงานภาครัฐเป็นฝ่ายที่สามารถจัดสรรข้อมูลต่างๆอย่างสมบูรณ์และถูกต้อง นอกจากนี้ ต้องมีเงื่อนไขที่ชัดเจนและโปร่งใสเกี่ยวกับการตรวจสอบข้อเท็จจริงของรายงานก่อนประกาศสู่สาธารณะ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยังไม่มีเงื่อนไขที่ชัดเจนเพื่อประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในทุกประเทศ รวมถึงในเวียดนาม ดังนั้น สหรัฐไม่ควรนำเสนอข้อมูลต่างๆในด้านนี้ด้วยการอ้างแหล่งข้อมูลที่ไม่เป็นทางการ รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ฝ่ามทูหั่งได้ชี้ชัดว่า
“รายงานสิทธิมนุษยชนประจำปี 2022 ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ระบุถึงการประเมินที่ขาดภาวะวิสัยเกี่ยวกับสถานการณ์ในเวียดนาม โดยอ้างข้อมูลต่างๆที่ไม่ถูกต้อง เวียดนามพร้อมหารืออย่างตรงไปตรงมาและเปิดเผยในเชิงสร้างสรรค์กับสหรัฐเกี่ยวกับปัญหาที่ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันเพื่อขยายความเข้าใจและมีส่วนร่วมพัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านระหว่างสองประเทศ”
ในทางเป็นจริง นโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายของเวียดนามคือปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน โดยมาตราที่ 3 รัฐธรรมนูญปี 2013 ได้ระบุว่า “รัฐค้ำประกันและส่งเสริมสิทธิการเป็นเจ้าของของประชาชน รับรอง ให้ความเคารพ ปกป้องและค้ำประกันสิทธิมนุษยชน สิทธิพลเมือง ปฏิบัติเป้าหมายประชาชนมั่งคั่ง ประเทศมีความแข็งแกร่ง มีประชาธิปไตย สังคมมีความยุติธรรม และอารยธรรม ทุกคนมีชีวิตที่อิสระเสรีอิ่มหนำผาสุกและมีโอกาสพัฒนาในทุกด้าน” บนพื้นฐานนี้ เวียดนามได้ประกาศใช้กฎหมายต่างๆเพื่อปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เช่น กฎหมายความเลื่อมใสและศาสนาปี 2016 กฎหมายความมั่นคงทางไซเบอร์ปี 2018 และกฎหมายการสื่อสารมวลชนปี 2016 เป็นต้น ซึ่งมีความหมายสำคัญในการค้ำประกันสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมือง เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ความเลื่อมใส การนับถือศาสนาและสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งในภาคปฏิบัติแม้ชีวิตจะยังคงประสบความยากลำบากต่างๆ แต่พรรคฯและรัฐเวียดนามก็ให้ความเคารพและค้ำประกันการปฏิบัติสิทธิมนุษยชนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภายในประเทศ บนเจตนารมณ์ “ไม่ปล่อยให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” เวียดนามได้ส่งเสริมพลังที่เข้มแข็งของทั้งระบบการเมืองเพื่อปฏิบัติเป้าหมายพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การแก้ปัญหาความยากจนและการพัฒนามนุษย์ตามคำมั่นระหว่างประเทศ โดยผลสำเร็จด้านสิทธิมนุษยชนของเวียดนามก็ได้รับการชื่นชมจากประชาคมระหว่างประเทศ
เวียดนามพร้อมสนทนาเกี่ยวกับปัญหาความแตกต่างด้านสิทธิมนุษยชน
หลังการปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติและสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตตั้งแต่ปี 1995 จนถึงปัจจุบัน เวียดนามและสหรัฐได้ผลักดันความร่วมมือทวิภาคีบนพื้นฐานของความไว้วางใจและความเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งความสัมพันธ์ทวิภาคีนั้นกำลังพัฒนาอย่างดีงานในทุกด้าน ไม่ว่าในด้านการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง วัฒนธรรมและการพบปะสังสรรค์ระดับประชาชน โดยพรรคฯและรัฐเวียดนามพร้อมสนทนาและหารืออย่างตรงไปตรงมาและเปิดเผยในเชิงสร้างสรรค์กับสหรัฐเกี่ยวกับปัญหาที่ยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเพื่อขยายความเข้าใจ รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ฝ่ามทูหั่ง ได้ชี้ชัดว่า
“หลังการสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านมา 10 ปี ความสัมพันธ์เวียดนาม-สหรัฐได้พัฒนาทั้งในด้านกว้างและส่วนลึกอย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี โดยได้ธำรงการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับและการสนทนา ซึ่งเวียดนามมีความประสงค์และพร้อมร่วมมือกับทางการประธานาธิบดี โจ ไบเดน ในการกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีให้พัฒนาตามส่วนลึก มีประสิทธิภาพและยั่งยืนเพื่อสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาในภูมิภาคและโลก”
หนึ่งในอุปสรรคที่สำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐคือทัศนะที่แตกต่างกันเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย ประชาชาติและศาสนา เป็นต้น แต่อย่างไรก็ดี ในเวลาที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศได้ผลักดันความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวผ่านการเจรจาและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ซึ่งการมองข้ามอคติด้านสิทธิมนุษยชนบนพื้นฐานของความเสมอภาคและความร่วมมือเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีให้พัฒนาตามส่วนลึกคือสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายมุ่งปฏิบัติ ดังนั้น การปรับปรุงการประเมินที่ขาดภาวะวิสัยและไม่ถูกต้องเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในเวียดนามในรายงานด้านสิทธิมนุษยชนประจำปี 2022 เป็นสิ่งที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐควรทำเพื่อแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการลดและยุติทัศนะที่แตกต่างเพื่อนำความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป.
Thu Hoa