ตามการประเมินของสมาชิกรัฐบาลในการประชุมประจำเดือนสิงหาคมที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา คาดว่าจะ สามารถบรรลุและทะลุเป้าหมายเศรษฐกิจ – สังคมที่ได้วางไว้ในปีนี้ได้ 13 จาก 14 เป้าหมาย

แม้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกและภูมิภาคที่เป็นไปอย่างซับซ้อนจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจเวียดนามก็ตามแต่ภายใต้การนำอย่างเข้มงวดของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี การรับมืออย่างเป็นฝ่ายรุกของกระทรวง หน่วยงานท้องถิ่นบวกกับการใช้มาตรการและนโยบายแก้ปัญหาอย่างทันการณ์และเหมาะสมได้ช่วยให้เศรษฐกิจเวียดนามนับวันยิ่งมีเสถียรภาพ ซึ่งสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนจากผลที่น่ายินดีในทุกด้าน โดยเฉพาะการควบคุมเศรษฐกิจมหภาคเป็นอย่างดี ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นในระดับต่ำ สินเชื่อมีการขยายตัวมากกว่าในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อัตราดอกเบี้ยมีเสถียรภาพ อัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมีความคล่องตัว การส่งออกเพิ่มขึ้นและอัตราการเสียเปรียบดุลการค้าใน 8 เดือนที่ผ่านมายังอยู่ในการควบคุม ตามข้อมูลสถิติของทบวงศุลกากร เฉลี่ยใน 8 เดือนที่ผ่านมา การส่งออกของเวียดนามบรรลุกว่า 1 แสน 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9

ส่วนกระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนามคาดว่า จากผลงานด้านเศรษฐกิจ-สังคมใน 8 เดือนที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีอาจบรรลุร้อยละ 6.4 สูงกว่าแผนที่วางไว้ร้อยละ 0.2 การส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 และอัตราเงินเฟ้ออาจเหลือเพียงครึ่งหนึ่งหรือต่ำกว่าแผนที่วางไว้

เพื่อรับมือกับความลำบากและความท้าทายใหม่ๆ โดยเฉพาะความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ ตลาดการเงินโลกที่ซับซ้อนหลังจากที่จีนได้ปรับลดค่าเงินหยวน การผลิตการเกษตรและสัตว์น้ำประสบความยากลำบากเนื่องจากภัยธรรมชาติ ภัยแล้ง ฝนตกหนักและน้ำท่วม เป็นต้น ซึ่งจำเป็นต้องปฏิบัตินโยบายแก้ปัญหาอย่างคล่องตัว ในการประชุมรัฐบาลประจำเดือนสิงหาคม ท่านเหงียนเติ๊นหยุง นายกรัฐมนตรีได้เรียกร้องให้สมาชิกรัฐบาลทุกคนห้ามมองข้ามความผันผวนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซับซ้อนและยากที่จะคาดการณ์ได้ของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งเกาะติดสถานการณ์และยกระดับความสามารถของนโยบายในการรับมือที่รวดเร็ว คล่องตัว ทันการณ์ แม่นยำและมีประสิทธิภาพ แปรความยากลำบากและความท้าทายให้กลายเป็นความสะดวกในการควบคุมและบริหารระบบเศรษฐกิจ กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต้องเกาะติดเป้าหมายและหน้าที่ที่ได้วางไว้เพื่อเน้นชี้นำการปฏิบัติมาตรการแก้ไขอย่างรอบด้านและเข้มงวดต่อไป พยายามบรรลุและทะลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจสังคมที่ได้วางไว้ในปีนี้ด้วยระดับที่สูงสุด นายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงชี้ชัดว่า “ต้องควบคุมความมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคต่อไป บริหารภาวะเงินเฟ้อและรักษาอัตราดอกเบี้ยให้มีเสถียรภาพตามกลไกตลาด ใช้มาตรการผลักดันการส่งออกให้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 พร้อมกับการควบคุมการเสียเปรียบดุลการค้า ขยายมาตรการเพิ่มการเก็บภาษีเข้างบประมาณแผ่นดินและค้ำประกันความสมดุลในการชำระของเศรษฐกิจ เป็นต้น” นายกรัฐมนตรียังเรียกร้องให้กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นเน้นปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนและประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะกรอบระเบียบการ กลไกและนโยบายเพื่ออำนวยความสะดวกให้เศรษฐกิจทุกภาคผลักดันการลงทุนผลิตและประกอบธุรกิจ ผลักดันการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการปรับปรุงโครงสร้างธนาคารเพื่อลดหนี้เสียให้เหลือร้อยละ 3 พร้อมกับการปรับความมีเสถียรภาพของระบบและในปีนี้ต้องแปรสถานประกอบการภาครัฐ 200 แห่งให้เป็นบริษัทหุ้นส่วน ผลักดันกระบวนการเบิกจ่ายเงินเพื่อบรรลุเป้าหมายการลงทุน ปฏิบัติโครงการต่างๆพร้อมกับสวัสดิการ สวัสดิภาพทางสังคม โดยเฉพาะในด้านสาธารณสุข การศึกษา การแก้ปัญหาความยากจน การสร้างงานทำ ผลักดันงานด้านการต่างประเทศ ขยายการรักษาความมั่นคง การป้องกันประเทศ ความเป็นระเบียบเรียบร้อยทางสังคมและทำการประชาสัมพันธ์อย่างทันการณ์และถูกต้องเพื่อสร้างความเป็นเอกฉันท์ในสังคม

จากผลคาดการณ์ที่น่ายินดีเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจสังคมในปี 2016 นายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงได้ระบุถึงแนวทางการร่างแผนการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมปี 2016 ด้วยเจตนารมณ์ว่า มีการขยายตัวสูงขึ้น ระบบเศรษฐกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการขยายตัวทางเศรษฐกิจของปี 2016 อาจบรรลุร้อยละ 6.7 และอยู่ที่ร้อยละ 6.7 – 7 ใน 5 ปีข้างหน้า พร้อมกับความมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคและการพัฒนาอย่างยั่งยืน.