ยืนหยัดลัทธิมากซ์-เลนินและแนวคิดโฮจิมินห์คือทางเลือกของพรรคและประชาชน

(VOVWORLD) -  ร่างรายงานที่จะยื่นเสนอต่อสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 13 ระบุว่า แนวทางชี้นำที่เสมอต้นเสมอปลายของทั้งพรรค กองทัพและประชาชนเวียดนามในระยะต่อไปคือ “ยืนหยัดและประยุกต์ใช้ลัทธิมากซ์-เลนินและแนวคิดโฮจิมินห์อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ยืนหยัดเป้าหมายเอกราชประชาชาติและลัทธิสังคมนิยม ยืนหยัดแนวทางการเปลี่ยนแปลงใหม่ของพรรคเพื่อสร้างสรรค์และพิทักษ์รักษาปิตุภูมิ” 
ยืนหยัดลัทธิมากซ์-เลนินและแนวคิดโฮจิมินห์คือทางเลือกของพรรคและประชาชน - ảnh 1ภาพวาดการประชุมเตรียมพร้อมให้แก่การลุกขึ้นสู้ครั้งใหญ่ทั่วประเทศเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมปี 1945 ณ เตินจ่าว (binhthanh.hochiminhcity.gov.vn)

นี่เป็นแนวทางการชี้นำที่ได้รับการยืนยัน เพิ่มเติมและพัฒนาในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคครั้งต่างๆและเป็นแนวทางที่เสมอต้นเสมอปลายในการปฏิบัติเป้าหมายประชาชนมั่งคั่ง ประเทศเจริญเข้มแข็ง มีประชาธิปไตย มีความยุติธรรมและอารยธรรม”

ก่อนที่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้รับการก่อตั้งและชี้นำการปฏิวัติ ขบวนการต่อต้านนักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศสของประชาชนล้วนประสบความล้มเหลวและถูกปราบปราม ซึ่งทำให้กระบวนการปลดปล่อยประชาชาติไม่มีทางออก หลังจากที่เหงวียนอ๊ายก๊วก ซึ่งก็คือประธานโฮจิมินห์ได้เดินทางแสวงหาหนทางกู้ชาติในต่างประเทศ รวมทั้งได้ศึกษาวิจัยลัทธิมากซ์-เลนินเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ก็ช่วยสร้างหัวเลี้ยวหัวต่อให้แก่แนวทางกู้ชาติและตั้งแต่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้รับการก่อตั้งเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ปี 1930 ภายใต้การนำของพรรคและลัทธิมาร์ก-เลนิน ประชาชนเวียดนามได้ทำการต่อสู้ ประเทศเวียดนามได้รับเอกราช สันติภาพ เสรีภาพ เสถียรภาพและพัฒนา ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนก็นับวันมีความอิ่มหนำผาสุก โดยเฉพาะในตลอดเกือบ 35ปีนับตั้งแต่ปี 1986  การยืนหยัดปฏิบัติภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศตามลัทธิมากซ์-เลนินและแนวคิดโฮจิมินห์ได้ช่วยให้ภารกิจดังกล่าวประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในทุกด้านท่ามกลางสถานการณ์โลกที่มีความผันผวนอย่างซับซ้อน นาย เยืองกวางฝาย อดีตอธิบดีคณะกรรมการตรวจตราส่วนกลางได้เผยว่า ลัทธิมากซ์-เลนินยังคงเป็นแนวคิดแห่งความก้าวหน้าของการปฏิวัติในปัจจุบันเพราะมีความเป็นวิทยาศาสตร์และหลักวิภาษวิธี

“ยังไม่มีทฤษฎีใดที่มีความก้าวหน้ากว่าลัทธิมากซ์-เลนิน เราไม่ควรอิงตามประเด็นบางข้อที่ไม่สอดคล้องกับลัทธิมากซ์-เลนินเพื่อปฏิเสธคุณค่าของแนวคิดดังกล่าว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเพราะลัทธิมากซ์-เลนินเพียงระบุถึงวิธีการพรรณนาและวิธีการวิเคราะห์ในการวิจัยและประเมินกลไกการพัฒนาทางสังคมเท่านั้น ซึ่งเราต้องทำความเข้าใจลัทธิมากซ์-เลนินอย่างถ่องแท้”

ก่อนการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 7 เอกสารของสมัชชาใหญ่พรรคและธรรมนูญของพรรคล้วนระบุว่า “พรรคคอมิวนิสต์เวียดนามถือลัทธิมากซ์-เลนินเป็นอุดมการณ์ทางการเมืองและเข็มทิศนำทางให้แก่ทุกกิจกรรม” ซึ่งจากการวิจัยทฤษฎีมาจนถึงการปฏิบัติ พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามตระหนักได้ดีถึงสถานะและบทบาทของแนวคิดโฮจิมินห์ต่อการพัฒนาการปฏิวัติเวียดนาม รวมทั้งการเพิ่มเติมแนวคิดโฮจิมินห์ในอุดมการณ์ทางการเมืองขององค์กรพรรค โดยจุดเด่นในแนวคิดโฮจิมินห์คือได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานได้สานต่อและกลั่นกรองคุณค่าของแนวคิดและเกียรติประวัติของประชาชาติที่สอดคล้องกับสถานการณ์และประวัติศาสตร์ของประเทศเวียดนาม อีกทั้งประยุกต์ใช้ความดีเลิศทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ นั่นคือวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตก โดยจุดสุดยอดคือลัทธิมากซ์-เลนิน ซึ่งการชี้นำที่ถูกต้องของพรรคที่มีเข็มทิศนำทางคือลัทธิมากซ์-เลนินและแนวคิดโฮจิมินห์ การผสมผสานระหว่างพลังที่เข้มแข็งของประชาชาติและพลังที่เข้มแข็งแห่งยุคสมัยถือเป็นพื้นฐานเพื่อให้เวียดนามบรรลุผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในภารกิจการสร้างสรรค์และพัฒนาประเทศ นาย ฝ่ามวันเหิบ อาศัยที่ถนนเจิ่นกวางเหยียว กรุงฮานอยได้ย้ำว่า

“อาจกล่าวได้ว่า ลัทธิมากซ์-เลนินคือเงื่อนไขชี้ขาดที่นำไปสู่ความสำเร็จต่างๆของประชาชาติเวียดนาม โดยสะท้อนให้เห็นจากผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ภายใต้การชี้นำของพรรค”

จนถึงปัจจุบัน ขบวนการทางสังคม นักเคลื่อนไหวทางสังคมและประชาชนหัวก้าวหน้าในโลกยังไม่พบทฤษฎีใดๆที่แนะแนวความคิดในการแก้ไขปัญหาทางสังคม พัฒนาความก้าวหน้าทางสังคมและการปลดปล่อยมนุษย์ที่ดีกว่าลัทธิมากซ์-เลนินดั่งเช่นความเห็นของดร.ห่าท้ายเซินจากสถาบันรัฐศาสตร์สังกัดกระทรวงกลาโหมที่กว่า การที่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามยืนหยัดเส้นทางที่เลือกเฟ้นคือแนวทางที่ถูกต้องและเป็นทางเลือกแห่งประวัติศาสตร์และตอบสนองความปรารถนาของประชาชน

“ในวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 1997 ในเอเชีย บรรดานักการเมืองและผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจได้ชื่นชมคุณค่าของลัทธิมากซ์ ส่วนดอกผลของการปฏิวัติเวียดนามและการปฏิวัติในโลก โดยเฉพาะการปฏิวัติเดือนตุลาคมรัสเซียเมื่อปี 1917 และการปฏิวัติเดือนสิงหาคมปี 1945 ในเวียดนาม รวมถึงผลสำเร็จในภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศเวียดนามในตลอดกว่า 30ปีที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นถึงทางเลือกที่ถูกต้องของพรรคและประธานโฮจิมินห์ โดยพรรคได้ถือลัทธิมากซ์-เลนินและแนวคิดโฮจิมินห์เป็นเข็มทิศนำทางให้แก่ทุกกิจกรรม”

เวียดนามกำลังผลักดันภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่และการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกในสภาวการณ์ที่สถานการณ์ในภูมิภาคและโลกมีความผันผวนอย่างซับซ้อน ถึงแม้ยังมีอุปสรรคมากมายรออยู่ แต่ศักยภาพ สถานะและชื่อเสียงของเวียดนามในตลอด 90 ปีภายใต้การนำของพรรคได้สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนในการยืนหยัดลัทธิมากซ์-เลนินและแนวคิดโฮจิมินห์ แนวทางการปฏิวัติที่ถูกต้องและพลังที่เข้มแข็งแห่งยุคสมัยคือพื้นฐานที่มั่นคงเพื่อให้พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามชี้นำประเทศเวียดนามปฏิบัติเป้าหมายเอกราชประชาชาติควบคู่กับลัทธิสังคมนิยมให้ประสบความสำเร็จ.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด