ยืนหยัดเป้าหมายสร้างเสถียรภาพให้แก่เศรษฐกิจและควบคุมเงินเฟ้อต่อไป

(VOVworld) –  รัฐบาลเวียดนามจะยืนหยัดเป้าหมายสร้างเสถียรภาพให้แก่เศรษฐกิจ ควบคุมเงินเฟ้อ รักษาอัตราการขยายตัวที่เหมาะสมและสวัสดิการสังคมต่อไปพร้อมทั้งวางมาตรการต่างๆเพื่อให้ความช่วยเหลือภาคการผลิต และตลาดให้บรรลุเป้าหมายที่ได้วางไว้

(VOVworld)–ในที่ประชุมประจำเดือนมิถุนายน รัฐบาลเวียดนามได้อภิปรายเกี่ยวกับมาตรการบริหารเศรษฐกิจสังคมใน๖เดือนที่เหลือของปีนี้โดยยืนยันว่าจะยืนหยัดเป้าหมายสร้างเสถียรภาพให้แก่เศรษฐกิจ ควบคุมเงินเฟ้อ รักษาอัตราการขยายตัวที่เหมาะสมและสวัสดิการสังคมต่อไปพร้อมทั้งวางมาตรการต่างๆเพื่อให้ความช่วยเหลือภาคการผลิต และตลาดให้บรรลุเป้าหมายที่ได้วางไว้

ยืนหยัดเป้าหมายสร้างเสถียรภาพให้แก่เศรษฐกิจและควบคุมเงินเฟ้อต่อไป - ảnh 1
การประชุมประจำเดือนมิถุนายนของรัฐบาล(Photo:Internet )

(VOVworld) – ตามข้อสรุปในที่ประชุม สถานการณ์เศรษฐกิจสังคมใน๖เดือนแรกของปีนี้ได้ประสบผลสำเร็จในทุกด้าน พัฒนาอย่างถูกทิศทางและตรงตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ โดยเฉพาะ อัตราจีดีพีที่บรรลุร้อยละ๔.๓๘ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่น่ายินดีและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การผลิตอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นฟูอย่างเห็นได้ชัด ดัชนีราคาผู้บริโภคลดลงอย่างต่อเนื่องซึ่งมีส่วนช่วยให้เงินเฟ้อลดลงเหลือเพียงร้อยละ๗ ถึงร้อยละ๘และทำให้การปฏิบัตินโยบายงบประมาณใน๖เดือนปลายปีมีความสะดวกมากขึ้น รัฐบาลให้ข้อสังเกตุว่า แม้ว่ายังประสบความลำบากมากมายแต่สิ่งที่น่ายินดีคือ สถานการณ์เศรษฐกิจสังคมกำลังเดินถูกทิศทาง หลังจากที่วิเคราะห์และประเมินผลของการปฏิบัติหน้าที่เศรษฐกิจสังคมใน๖เดือนที่ผ่านมา ท่านNguyễn Tấn Dũng นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้กล่าวว่า ใน๖เดือนที่เหลือ รัฐบาลจะยืนหยัดเป้าหมายที่ได้วางไว้ตั้งแต่ต้นปีโดยจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายพัฒนาเศรษฐกิจสังคมใดโดยจะให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการควบคุมเงินเฟ้อ สร้างเสถียรภาพให้แก่เศรษฐกิจ รักษาอัตราการขยายตัวให้อยู่ที่ร้อยละ๕.๒ถึงร้อยละ๕.๗  เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ หนึ่งในภาคเศรษฐกิจที่ต้องแก้ไขข้อบกพร่องอย่างเร่งด่วนคือสถานประกอบการภาครัฐ ท่านNguyễn Tấn Dũng กล่าวว่า “บรรดารัฐมนตรีต้องปรับปรุงโครงสร้างสถานประกอบการภาครัฐทันที  โดยเฉพาะ ต้องสำรวจกำลังการผลิตและประกอบธุรกิจเพื่อจัดสรรตามแนวทางเน้นในสาขาอาชีพที่สำคัญเท่านั้น ประเด็นที่๒คือ ต้องปรับปรุงการบริหาร จัดทำกฏระเบีบภายในเพื่อทำการผลิตและประกอบธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ประเด็นที่๓คือ ปรับปรุงกลไกการจัดตั้งให้มีความสมบูรณ์ รัฐบาลจะแบ่งระดับการบริหารและความรับผิดชอบของหน่วยงานบริหารสถานประกอบการใหม่”  ตั้งแต่บัดนี้ถึงปลายปี รัฐบาลเน้นแก้ไขอุปสรรคให้แก่สถานประกอบการทั้งในด้านเงินทุนและแก้ไขปัญหาสินค้าค้างสต๊อก ดังนั้นนายกรัฐมนตรีNguyễn Tấn Dũngจึงได้กำชับให้ธนาคารชาติต้องแก้ไขปัญหาหนี้เสียอย่างคล่องตัว เร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้และธนาคารพาณิชย์ที่อ่อนแอ บริหารดอกเบี้ยตามแนวทางควบคุมเงินเฟ้อให้ลดลงเหลือร้อยละ๗ถึงร้อยละ๘  ลดดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อให้สถานประกอบการเข้าถึงเงินทุนอย่างสะดวกรวดเร็ว  เกี่ยวกับปัญหานี้ นายNguyễn Văn Bìnhผู้ว่าการธนาคารชาติเวียดนามกล่าวว่า “ตามเจตนารมณ์ของมติของนายกรัฐมนตรี ในเร็วๆนี้ พวกเราจะสรุปผล และสร้างความเข้าใจในหน่วยงานว่า  ธนาคารทุกแห่ง รวมทั้งสาขาธนาคารต้องหารือกับสถานประกอบการ สำหรับสถานประกอบการที่กำลังกู้เงินด้วยดอกเบี้ยสูงกว่าร้อยละ๑๕และไม่สามารถดำเนินธุรกิจนั้นได้ พวกเราจะปรับดอกเบี้ยให้ลดลงต่ำกว่าร้อยละ๑๕เพื่อให้สถานประกอบการเหล่านี้สามารถพัฒนาได้”  นายกรัฐมนตรีNguyễn Tấn Dũng ยังกำชับให้กระทรวง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเน้นแก้ไขอุปสรรคเพื่อให้ความช่วยเหลือภาคการผลิต การเพิ่มสินเชื่อ การเบิกจ่ายเงินทุน และให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อสินเชื่อของภาคการเกษตร ชนบท การผลิตสินค้าเพื่อส่งออก อุตสาหกรรมผลิตประกอบ สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมและสถานประกอบการที่ใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก กระทรวง หน่วยงานต้องยกระดับคุณภาพของการส่งเสริมการค้า ขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ควบคุมการนำเข้าด้วยมาตรการทางเทคนิคส์ โดยเฉพาะ ควบคุมและจำกัดการนำเข้าผลิตภัณฑ์เกษตร วางระเบียบ นโยบายที่เป็นรูปธรรมเพื่อผลักดันการส่งออกและการควบคุมสินค้าที่นำเข้า  นายกรัฐมนตรีNguyễn Tấn Dũng กำชับให้กระทรวงการคลังปฏิบัตินโยบายงบประมาณอย่างเหมาะสมโดยมีการประสานกับนโยบายการเงินและสินเชื่ออย่างมีประสิทธิภาพเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ปฏิบัติมาตรการช่วยเหลือด้านสินเชื่อให้ตรงกับเป้าหมายที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆเพื่อส่งเสริมการผลิต การประกอบธุรกิจ สนับสนุนการสร้างเสถียรภาพให้แก่เศรษฐกิจและควบคุมเงินเฟ้อ  ส่วนกระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆต้องผลักดันการเบิกจ่ายเงินทุน โดยเฉพาะ เงินทุนจากงบประมาณ เงินทุนจากพันธบัตรรัฐบาลและเงินทุนให้แก่โครงการเป้าหมายแห่งชาติเพื่อกระตุ้นอุปสงค์และกำลังซื้อภายในประเทศ ให้ความสนใจถึงการรักษาสวัสดิการสังคม การสร้างงานทำ และเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ใช้แรงงาน ให้ความดูแลเอาใจใส่ต่อการส่งเสริมสุขภาพให้แก่ประชาชน./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด