ยืนหยัดเส้นทางเพื่อประเทศเวียดนามที่มีเอกราช เสรีภาพและผาสุก

(VOVWORLD) - “เอกราช-เสรีภาพและความผาสุก”สะท้อนสิทธิสูงสุดของมนุษย์ตามกฎบัตรสหประชาชาติและอนุสัญญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ซึ่งได้รับการปฏิบัติในประเทศที่มีเอกราช ซึ่งประชาชนหัวก้าวหน้าในทั่วโลก รวมถึงประชาชนเวียดนามได้ยอมเสียสละเลือดเนื้อในการต่อสู้เพื่อช่วงชิงเอกราช เสรีภาพและความผาสุกและตั้งแต่วันชาติ 2 กันยายนปี 1945 จนถึงปัจจุบัน พรรค รัฐและประชาชนเวียดนามได้ยืนหยัดเส้นทางเพื่อเป้าหมายอันสูงส่งนี้
ยืนหยัดเส้นทางเพื่อประเทศเวียดนามที่มีเอกราช เสรีภาพและผาสุก - ảnh 1กฤษฎีกาที่ 50 เกี่ยวกับการเขียนชื่อของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามคู่กับคำขวัญประจำประเทศที่ว่า  “เอกราช-เสรีภาพ-ความผาสุก” ที่ปรากฎตามหนังสือราชการต่างๆ 

จากความเข้าใจถึงคุณค่าของเอกราชและเสรีภาพของประชาชาติ หลังจากประกาศสถาปนาประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม เมื่อวันที่ 12 ตุลาคมปี 1945 ประธานโฮจิมินห์ได้ลงนามในกฤษฎีกาที่ 49 เกี่ยวกับการเขียนชื่อของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามคู่กับคำขวัญประจำประเทศที่ว่า  “เอกราช-เสรีภาพ-ความผาสุก” ที่ปรากฎตามหนังสือราชการต่างๆ ซึ่งไม่ว่าจะใช้ชื่อประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม หรือ ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามในปัจจุบันต่างก็ต้องใช้คู่กับคำขวัญประจำประเทศ  “เอกราช-เสรีภาพ-ความผาสุก” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความคาดหวังของประชาชนในทั่วประเทศ เป็นการปฏิบัติตามความปรารถนาและความมุ่งมั่น “ช่วงชิงเสรีภาพให้แก่ประชาชนและกอบกู้เอกราชมาให้แก่ประเทศของตน”ของประธานโฮจิมินห์ โดยภายใต้การชี้นำของพรรคฯ ความพยายามของประชาชนเวียดนามในภารกิจการต่อสู้เพื่อช่วงชิงเอกราชประชาชาติและรวมประเทศเป็นเอกภาพในหลายทศวรรษไม่ได้อยู่นอกเป้าหมายการค้ำประกันเพื่อให้ประชาชนเวียดนามทุกคนได้รับสิทธิมนุษยชนอย่างสมบูรณ์ รวมถึงสิทธิการได้มีชีวิตความเป็นอยู่ในบรรยากาศที่สันติ เอกราช เสรีภาพและสิทธิในการตัดสินใจและการเลือกเส้นทางแห่งการพัฒนาของตน

ในยุคโฮจิมินห์ “เอกราช-เสรีภาพ-ความผาสุก”ไม่เพียงแต่เป็นความคาดหวังอันแรงกล้าเท่านั้น หากยังเป็นคุณค่า อุดมการณ์ทางการเมืองและเป็นจุดมุ่งหมายของภารกิจการต่อสู้ที่ประธานโฮจิมินห์ พรรคคอมมิวนิสต์และประชาชนเวียดนามยืนหยัดปฏิบัติและยอมเสียสละเพื่อเป้าหมายนี้ ซึ่งอุดมการณ์และเป้าหมายดังกล่าว รวมถึงความเชื่อมั่นต่อการได้มีชีวิตความเป็นอยู่ในบรรยากาศที่มีเอกราช เสรีภาพและความผาสุกในประเทศเวียดนามที่มีสันติภาพ เอกราชและเอกภาพนั้นได้สร้างพลังขับเคลื่อนให้ประชาชนเวียดนามปฏิบัติตามการชี้นำของพรรคอย่างเต็มใจ นำไปสู่ชัยชนะของการปฏิวัติเดือนสิงหาคมปี 1945 สงครามต่อต้านนักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกาเพื่อกู้ชาติ ยืนหยัดเส้นทางสู่สังคมนิยม การสร้างสรรค์ ปกป้องและพัฒนาประเทศ

การยืนหยัดเป้าหมายเอกราชประชาชาติ การก้าวไปสู่สังคมนิยม การปฏิบัติตามคำสั่งของประธานโฮจิมินห์ที่ว่า “ถ้าประเทศมีเอกราช แต่ประชาชนไม่มีความสุขและเสรีภาพก็ทำให้การช่วงชิงเอกราชนั้นไม่มีความหมาย” รวมถึงระบอบการเมือง สิทธิและหน้าที่ของพลเมืองตามรัฐธรรมนูญปี 1946 และปี 1959 แสดงให้เห็นว่า รัฐสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามได้พยายามปฏิบัติสิทธิมนุษยชนตามกฎหมายและสอดคล้องกับสถานการณ์ภายในประเทศ หลังชัยชนะของการลุกขึ้นสู้ครั้งใหญ่ฤดูใบไม้ผลิปี 1975 ประเทศมีสันติภาพ เอกราช เอกภาพและก้าวไปสู่สังคมนิยม ประชาชนทั่วประเทศได้สามัคคีและร่วมกันปฏิบัติตามการชี้นำของพรรคเพื่อพยายามฟันฝ่าอุปสรรคทั้งปวงเพื่อฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจ ปฏิบัติภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศและผสมผสานเข้ากับกระแสโลก โดยในยามสันติ ประชาชนเวียดนามทุกคนต่างเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงคุณค่าของเอกราช เสรีภาพ การได้ใช้ชีวิตในบรรยากาศที่มีเอกราช เสรีภาพและความผาสุกเพื่อมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบเพื่อประเทศเวียดนามที่ก้าวไปสู่สังคมนิยม มีเอกราช เสรีภาพและความผาสุก

กว่า 92 ปีได้ผ่านพ้นไปหลังการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามและครบรอบ 77ปีที่ประธานโฮจิมินห์อ่านปฏิญญาเอกราช สถาปนาประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันคือประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยเฉพาะการยืนหยัดปฏิบัติภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศและผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างกว้างลึกในตลอด 37 ปี ผลสำเร็จในด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม สังคม ความมั่นคงและกลาโหมได้มีส่วนร่วมสร้างภาพลักษณ์ใหม่และสถานะใหม่ของเวียดนามบนเวทีโลก โดยเศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่อง วัฒนธรรมและสังคมมีการพัฒนา คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ทั้งด้านวัตถุและจิตใจของประชาชนได้รับการยกระดับให้ดีขึ้น ภาพลักษณ์ของประเทศและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ซึ่งในกระบวนการดังกล่าว พรรคและรัฐเวียดนามได้พยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ประชาชนทุกคนได้รับประโยชน์จากสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ สิทธิพลเมืองและสิทธิด้านประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งให้ความสำคัญต่อการกระชับความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านนี้บนพื้นฐานของความเท่าเทียนมกัน การให้ความเคารพและความเข้าใจระหว่างกัน รวมถึงการปฏิบัติคำมั่นระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่เวียดนามเป็นภาคีอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ “เอกราช-เสรีภาพ-ความผาสุก” คือความคาดหวังอันแรงกล้าและเป็นสิทธิ์ของประชาชนทุกคนและทุกประชาชาติในทั่วโลก ในประวัติศาสตร์โลกและในภารกิจการสร้างชาติและปกป้องชาติมาหลายพันปีของเวียดนาม “เอกราช-เสรีภาพ-ความผาสุก”คือความคาดหวังและจุดมุ่งหมายของความพยายามต่อสู้และการเสียสละของประชาชนเวียดนามรุ่นแล้วรุ่นเล่า จากเสี้ยวนาทีแห่งประวัติศาสตร์ที่ประธานโฮจิมินห์อ่านปฏิญญาเอกราช ณ จัตุรัสบาดิ่ง  สถาปนาประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามเมื่อวันที่ 2 กันยายนปี 1945 จนถึงปัจจุบัน ชื่อของประเทศเวียดนามได้อยู่คู่กับคำขวัญประจำประเทศที่ว่า  “เอกราช-เสรีภาพ-ความผาสุก” ซึ่งยืนยันถึงคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ ยั่งยืนและเป็นนิรันดร์ในภารกิจการปฏิวัติ การสร้างสรรค์และพัฒนาประเทศของพรรคและประชาชนเวียดนามทั้งในปัจจุบันและตลอดไป.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด