(VOVworld) – ปัญหาเศรษฐกิจเป็นเนื้อหาสำคัญในการประชุมประจำเดือนกรกฎาคมของรัฐบาลที่ได้จัดขึ้น ณ กรุงฮานอย เมื่อวันที่๓๐กรกฎาคม ในที่ประชุมนี้ รัฐบาลได้ยืนหยัดอีกครั้งถึงความตั้งใจที่จะยืนยันควบคุมเงินเฟ้อและรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค

การประชุมประจำเดือนกรกฎาคมของรัฐบาล(Photo :VGP )

สถานการณ์ศรษฐกิจสังคมของเวียดนามในภาพรวมตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบันได้พัฒนาไปในทางที่ดี  ดัชนีราคาผู้บริโภคหรือCPI ในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นร้อยละ๐.๒๗เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนหลังจากติดลบมาหลายเดือน และเพิ่มขึ้นร้อยละ๒.๘ เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคมปี๒๐๑๒ อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้เชี่ยวชาญได้ให้ข้อสังเกตุว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไม่รวดเร็วตามความคาดหมายหรือพูดอีกนัยหนึ่งคือ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่ำกว่าศักยภาพที่มีอยู่จริง            นายหวูดึกดาม รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อุปสรรคสำคัญของเศรษฐกิจในปัจจุบันคือ กำลังซื้อต่ำ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ถ้าเกิดภาวะกำลังซื้อหรือความต้องการต่ำก็ต้องกระตุ้นอุปสงค์ แต่ถ้ากระตุ้นอย่างไม่ระมัดระวังก็อาจจะก่อให้เกิดเงินเฟ้อได้ ดังนั้น ในเวลาที่จะถึง เวียดนามจะต้องบริหารนโยบายงบประมาณและการเงินโดยอาศัยตามเป้าหมายในระยะยาวและพยายามควมคุมเงินเฟ้อให้อยู่ที่ร้อยละ๗เพื่อให้อัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น  รัฐบาลได้วางเป้าหมายควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่ต่ำลงและผลักดันให้อัตราการขยายตัวสูงขึ้นทันทีแต่สิ่งที่สำคัญคือต้องรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคและผลักดันการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ เพื่อสร้างพื้นฐานให้แก่ก้าวเดินต่อๆไป รัฐมนตรีหวูดึกดามกล่าวว่า“การที่ดัชนีCPIไม่เพิ่มขึ้นหรือติดลบเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า ควรกระตุ้นอุปสงค์เพราะถ้าไม่ทำเช่นนี้การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะอยู่ในระดับที่ต่ำมากและดูเหมือนว่า สามารถปฏิบัติเป้าหมายควบคุมเงินเฟ้อได้แล้ว แต่ตามความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญและการวิเคราะห์ของบรรดาสมาชิกรัฐบาล การรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคยังคงเป็นเนื้อหาสำคัญที่พวกเราไม่ควรปล่อยปละละเลย” ต่อข้อสังเกตที่ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่อาจสามารถประสบความสำเร็จในการควบคุมเงินเฟ้อในปีนี้ที่ได้วางไว้แต่ยากที่จะปฏิบัติเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจร้อยละ๕.๕ ในที่ประชุมนี้ บรรดาสมาชิกรัฐบาลได้เสนอมาตรการแก้ไขอุปสรรคให้แก่ตลาด โดยเฉพาะตลาดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกษตรซึ่งนายกาวดึกฟาตรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเสนอให้กระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้ง กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานกับกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเพื่อแก้ไขอุปสรรคด้านตลาดและ ขยายตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์เกษตร ส่วนนายหวูฮวีหว่าง รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ยืนยันว่า ทางกระทรวงจะประสานกับกระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นเพื่อผลักดันกิจกรรมส่งเสริมการค้า การลงทุน  และขยายตลาดส่งออก โดยเฉพาะ สินค้าส่งออกที่เวียดนามมีจุดแข็ง เช่น ข้าว สัตว์น้ำ และกาแฟ ทางกระทรวงยังจะปฏิบัติโครงการพัฒนาตลาดภายในประเทศ ช่วยเหลือในการหาตลาดรองรับผลิตภัณฑ์ มีส่วนร่วมขยายการจำหน่าย และกระตุ้นอุปสงค์ การผลักดันการขยายตัวด้านสินเชื่อและการเบิกจ่ายเงินทุนอย่างเข้มแข็งก็ถือเป็นมาตรการที่จริงจังเพื่อขยายอุปสงค์ ซึ่งท่านเหงวียนเติ้นหยุงนายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ชี้ชัดว่า“๑ ต้องเพิ่มสินเชื่อ ใน๗เดือนที่ผ่านมา สินเชื่อเพิ่มขึ้นร้อยละ๔.๙จากที่คาดการณ์ว่าน่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ๑๒ ปัจจุบันต้องเพิ่มอุปสงค์แต่ไม่ปล่อยให้หนี้เสียเพิ่มขึ้น การเพิ่มสินเชื่อเพื่อเพิ่มอุปสงค์ถือเป็นแนวทางที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งแต่ต้องยกระดับคุณภาพของสินเชื่อด้วย ๒คือการลงทุนจากรัฐ ใน๗เดือนที่ผ่านมา การลงทุนจากรัฐยังไม่ถึงร้อยละ๕๐ ดังนั้นต้องใช้งบประมาณของปี๒๐๑๓ให้หมดแต่ต้องบริหารอย่างมีประสิทธิภาพและ ต้องใช้พันธบัตรรัฐบาลปี๒๐๑๓ให้หมดเช่นกันและสำหรับกิจการที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี๒๐๑๓ จะต้องมีการอัดฉีดเม็ดเงินของปี๒๐๑๔เข้าไปเพื่อเพิ่มการลงทุน” นายกรัฐมนตรียังกำชับให้กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นส่งเสริม อำนวยความสะดวกเพื่อดึงดูดแหล่งเงินทุนในรูปแบบที่แตกต่างกัน คิดคำนวณเพื่อค้ำประกันเงินทุนเพื่อเบิกจ่ายเงินโอดีเอและการชี้นำเพื่อเสร็จสิ้นการเคลียร์พื้นที่ โดยเฉพาะ โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมที่จำเป็น จากมาตรการที่เป็นรูปธรรมพร้อมกับความตั้งใจอันแน่วแน่ในการบริหารของรัฐบาล คาดหวังว่า เศรษฐกิจเวียดนามในช่วงเดือนที่จะถึงจะมีเสถียรภาพและมีอัตราการขยายตัวเหมาะสมกับศักยภาพที่มี./.