สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนระงับเป็นการชั่วคราว

(VOVWORLD) -หลังจากเกิดความตึงเครียดเนื่องจากการใช้มาตรการทางภาษีตอบโต้กัน  ในที่สุด   เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนก็ได้เริ่มฟื้นฟูการเจรจาทางการค้าหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์และประธานประเทศจีน สีจิ้นผิงเห็นพ้องที่จะระงับการเพิ่มภาษีนำเข้าเพื่อเอื้อให้แก่การเจรจา ซึ่งการระงับการเพิ่มภาษีเป็นแค่มาตรการชั่วคราวเพื่อชะลอสงครามการค้าเท่านั้น  

สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐเริ่มขึ้นเมื่อ 1 ปีก่อน จนถึงขณะนี้ ทางการของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ได้เก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีน มูลค่า 2 แสน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ   ส่วนจีนก็ได้ตอบโต้สหรัฐด้วยการปรับขึ้นภาษีต่อสินค้าที่นำเข้าจากสหรัฐ มูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ก่อนการเจรจาระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศนอกรอบการประชุมผู้นำกลุ่มเศรษฐกิจที่พัฒนาและเพิ่งเกิดใหม่หรือจี 20 ณ ประเทศญี่ปุ่น สหรัฐได้เตือนว่า จะปรับขึ้นภาษีร้อยละ 25 ต่อสินค้าที่เหลือที่นำเข้าจากจีน มูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้ง โทรศัพท์มือถือ เครื่องคอมพิวเตอร์และผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป

การระงับชั่วคราว ไม่ใช่การยุติ

  ในการพบปะเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน นอกรอบการประชุมผู้นำจี 20 ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ได้ยอมผ่อนปรนมาตรการลงโทษเครือบริษัทหัวเว่ยของจีนโดยอนุญาตให้บริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐสามารถส่งออกชิ้นส่วนให้แก่เครือบริษัทนี้ พร้อมทั้ง เลื่อนการเพิ่มภาษีต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีน มูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐออกไปโดยไม่มีกำหนด

แต่อย่างไรก็ดี ที่ปรึกษาด้านการค้าของทำเนียบขาวได้เผยว่า นี่ไม่ใช่การประนีประนอม พร้อมทั้งย้ำว่า สหรัฐจะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับระบบเครือข่าย 5 จีของเครือบริษัทหัวเว่ย เพราะสหรัฐอนุญาตให้ขายชิปรวมมูลค่าไม่เกิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีให้แก่เครือบริษัทหัวเว่ยเท่านั้น ซึ่งถือว่าไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ  ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ได้เผยว่า ปัญหาของบริษัทหัวเว่ยจะได้รับการหยิบยกขึ้นมาหารือในช่วงท้ายสุดของการเจรจาด้านการค้าระหว่างสองประเทศ ซึ่งหมายความว่า อนาคตของเครือบริษัทหัวเว่ยขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างสหรัฐกับจีน

สำหรับด้านภาษี บรรดานักวิเคราะห์เห็นว่า การที่ประธานาธิบดีสหรัฐเลื่อนการเก็บอัตราภาษีร้อยละ 25 ต่อสินค้าที่เหลือที่นำเข้าจากจีนถือเป็นมาตรการชั่วคราวเพื่อเปิดทางให้แก่การฟื้นฟูการเจรจาทางการค้า ซึ่งไม่ใช่ก้าวกระโดดและก็ไม่สามารถประกันได้ว่า สหรัฐจะยกเลิกการปรับขึ้นภาษีต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีนหรือไม่

การเดินที่ถูกทิศทางแต่ยังคงไร้เสถียรภาพ

  ปัจจุบัน สหรัฐและจีนกำลังเตรียมให้แก่การเจรจาทางการค้าหลังจากชะงักงันมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเนื่องจากสหรัฐกล่าวหาจีนว่า ปฏิเสธคำมั่นที่สำคัญเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ เช่น การเข้าถึงตลาด การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาและการบังคับการถ่ายทอดเทคโนโลยี นาย Peter Navarro ที่ปรึกษาด้านการค้าของทำเนียบขาวได้เผยว่า มีสัญญาณที่น่ายินดีในการเจรจาทางการค้าระหว่างสองประเทศ แต่อย่างไรก็ดี การสนทนาครั้งนี้ยังประสบอุปสรรคมากมายและการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างเศรษฐกิจรายใหญ่ของโลกยังอยู่ไกลเกินเอื้อม นาย Peter Navarro ซึ่งเป็นผู้ที่มีจุดยืนแข็งกร้าวเกี่ยวกับปัญหาการค้ากับจีนได้ย้ำว่า ต้องใช้เวลาเพิ่มเติมเพื่อทำการเจรจาเพราะสหรัฐอยากบรรลุข้อตกลงที่เหมาะสม  เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ได้ยืนยันว่า จีนได้รับผลประโยชน์มากมายจากความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหรัฐในหลายปีที่ผ่านมา จึงไม่สามารถมีข้อตกลงที่มีความสมดุลย์ได้ ซึ่งข้อตกลงนี้ต้องเป็นข้อตกลงที่สหรัฐได้ประโยชน์มากกว่าจีน  

ในการกล่าวปราศรัยของเจ้าหน้าที่สหรัฐและผลการเจรจาก่อนหน้านั้น สามารถเห็นได้ว่า ทั้งสหรัฐและจีนยังไม่อยากประนีประนอมในปัญหาที่สำคัญ แม้จะมีการกล่าวปราศรัยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ Steven Mnuchin ก่อนการประชุมผู้นำจี 20ว่า การเจรจาระหว่างจีนกับสหรัฐได้เสร็จไปแล้วร้อยละ 90 ส่วนร้อยละ 10ที่เหลือเป็นเรื่องที่มีความยุ่งยาก การเจรจาครั้งก่อนประสบความล้มเหลวเนื่องจากไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เหลือได้ซึ่งประกอบด้วย การเรียกร้องให้จีนลดการอุดหนุนผู้ประกอบการ ยุติปฏิบัติการที่สหรัฐกล่าวหาว่า เป็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาแต่ที่ยากที่สุดคือกลไกการปฏิบัติและตรวจสอบการปฏิบัติข้อตกลงเนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องถึงอธิปไตยของจีน เป็นต้น

การที่จีนและสหรัฐระงับการเพิ่มภาษีนำเข้าต่อสินค้าระหว่างกันและหันมานั่งเจรจาเป็นการชั่วคราวได้ให้ตลาดและนักลงทุนมี “ช่วงเวลาพักหายใจ”และลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกแต่อุปสรรคในการเจรจาระหว่างสองฝ่ายยังมีอีกมากและไม่มีสิ่งใดประกันได้ว่า ทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันได้.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด