สงครามเวียดนามจากมุมมองของชาวอเมริกัน

( VOVworld )- ถึงแม้สงครามเวียดนามได้ผ่านพ้นมาแล้ว ๔๐ ปี  แต่ความพ่ายแพ้ในสงครามดังกล่าวยังคงหลอกหลอนชาวอเมริกันหลายคนว่า  ทำไมประเทศมหาอำนาจทั้งด้านเศรษฐกิจและการทหารอย่างสหรัฐอเมริกาจึงไม่สามารถรบชนะประเทศเล็กๆอย่างเวียดนามที่ทั้งยากจนและเพิ่งผ่านสงครามต่อต้านอาณานิคมฝรั่งเศส ซึ่งก็มีหลายคำตอบเกี่ยวกับสาเหตุของความพ่ายแพ้ดังกล่าว  แต่มีอยู่หนึ่งคำตอบที่ชี้ขาดชัยชนะของเวียดนามคือ จิตใจต่อสู้เพื่อเอกราชและเสรีภาพของประชาชนเวียดนาม

( VOVworld )- ถึงแม้สงครามเวียดนามได้ผ่านพ้นมาแล้ว ๔๐ ปี  แต่ความพ่ายแพ้ในสงครามดังกล่าวยังคงหลอกหลอนชาวอเมริกันหลายคนว่า  ทำไมประเทศมหาอำนาจทั้งด้านเศรษฐกิจและการทหารอย่างสหรัฐอเมริกาจึงไม่สามารถรบชนะประเทศเล็กๆอย่างเวียดนามที่ทั้งยากจนและเพิ่งผ่านสงครามต่อต้านอาณานิคมฝรั่งเศส ซึ่งก็มีหลายคำตอบเกี่ยวกับสาเหตุของความพ่ายแพ้ดังกล่าว  แต่มีอยู่หนึ่งคำตอบที่ชี้ขาดชัยชนะของเวียดนามคือ จิตใจต่อสู้เพื่อเอกราชและเสรีภาพของประชาชนเวียดนาม

ชาวอเมริกันถือสงครามเวียดนามเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของประเทศ เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับรัฐบาลตลอดจนทัศนะคติของพวกเขาต่อสงครามเย็นที่เป็นต้นเหตุทำให้สหรัฐอเมริกาส่งทหารเข้าเวียดนาม

ความพ่ายแพ้ที่สร้างความถกเถียงภายในประเทศสหรัฐอเมริกา

ศ.เสป็กเตอร์ ที่ทำการศึกษาวิจัยและสอนประวัติศาสตร์การทหารอเมริกาที่มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตันเปิดเผยว่า ความพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกาในสงครามเวียดนามยังเป็นปัญหาที่ถกเถียงกันอย่างดุเดือดภายในประเทศสหรัฐ ศ.เสป็กเตอร์ กล่าวว่า  “ มีความคิดเห็นที่ว่า สหรัฐอเมริกาไม่ได้แพ้ในเวียดนามแต่  ประธานาธิบดีนิกสันถอนทหารและละทิ้งสงครามเพราะแรงกดดันจากชาวอเมริกันกับรัฐสภาสหรัฐ   และก็มีความคิดเห็นว่า สหรัฐพ่ายแพ้เพราะรัฐบาลสาธารณรัฐเวียดนามไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเนื่องจากการทุจริตคอรับชั่นและการบริหารที่ขาดประสิทธิภาพ แม้กระทั่งการขาดความสามัคคีของผู้ที่ต่อต้านคอมมิวนิสตร์ในภาคใต้

ศ.เสป็กเตอร์เคยเข้าร่วมสงครามในเวียดนามก่อนที่จะทำการศึกษาวิจัยประวัติศาสตร์ ท่านได้พบปะกับฝ่ายตรงข้ามจึงพบคำตอบเกี่ยวกับความพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกา ศ.เสป็กเตอร์กล่าวว่า  “ บุคคลหลายคนในรัฐบาลและวงการสื่อมวลชนอเมริกาตั้งความหวังว่า การแทรกแซงทางทหารเข้าในภาคใต้เวียดนามจะนำไปสู่ชัยชนะอย่างรวดเร็วหรืออย่างน้อยก็สามารถบังคับให้กองทัพภาคเหนือเวียดนามต้องถอย  แต่ฝ่ายสหรัฐอเมริกาประเมินศักยภาพของเวียดนามต่ำเกินไป  นายแมกนามารา ร.ม.ว.กลาโหมอเมริการสมัยนั้นเคยแถลงว่า หากเราแสดงให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจว่า พวกเขาไม่สามารถชนะได้ พวกเขาจึงจะยอมละทิ้ง แต่ภาคเหนือเวียดนามไม่ยอมละทิ้ง  ผมเห็นว่า เลขาธิการใหญ่เลหยวนกับกรมการเมืองพรรคเข้าใจว่า หากสหรัฐอเมริการเห็นความตั้งใจอย่างแน่วแน่ของภาคเหนือในการสู้รบพวกเขาจะรู้สึกเบื่อหน่ายและฝ่ายภาคเหนือคาดการณ์ได้อย่างถูกต้อง

เวียดนามต่อสู้เพื่อเอกราชและเสรีภาพ

ทหารอเมริกันที่เข้าร่วมสงครามจะเข้าใจสงครามและฝ่ายตรงข้ามยิ่งกว่าคนอื่น พันเอกอันเดรส ซาวาโกตเคยเข้าร่วมสงครามเวียดนามในฐานะเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลสาธารณรัฐเวียดนามถึง ๙ ปี โดยท่านมาเวียดนามตามคำสั่งของผู้บัญชาการเพราะเป็นข้าราชการทหาร   พันเอกอันเดรส ซาวาโกตเล่าว่า  “ ก่อนเดินทางไปเวียดนาม ผมไม่รู้เรื่องประวัติศาสตร์ของเวียดนามเลย  ไม่เคยรู้ว่า เวียดนามเคยถูกรุกรานจากจีน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา  เวียดนามต่อสู้เพื่อเอกราชและเสรีภาพเท่านั้น ซึ่งนี่เป็นความจริง

ภายหลังลงพื้นที่ท้องถิ่นหลายแห่งและพบปะกับชาวเวียดนามมาหลายปี รวมทั้งนักรบปฏิวัติ พันเอกอันเดรสก็ข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและประเพณีของเวียดนามมากขึ้น นายอันเดรส ซาวาโกตจึงเข้าใจว่า สหรัฐอเมริกาไม่สามารถรบชนะเวียดนามได้  “ ผมเข้าใจว่า พวกผมจะแพ้ ประธานาธิบดีนิสันควรถอนทหารออกจากเวียดนามเร็วกว่านี้ ฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกาต้องเดินทางไกลไปยังประเทศที่อยู่ห่างไกลมากในขณะที่คนเวียดนามต่อสู้บนแผ่นดินของตนเองเพื่อเอกราชและเสรีภาพของตนเอง  ซึ่งเป็นความแตกต่างระหว่างสองฝ่าย โดยเฉพาะเวียดนามมีบุคคลที่กล้าหาญ รักสันติภาพ เกลียดสงคราม แต่เมื่อถูกรุกรานจากศัตรูไม่ว่าจะเป็นใครศัตรูก็ต้องปราชัยอย่างแน่นนอน  หากผมเกิดในประเทศเวียดนาม ผมก็จะสนับสนุนฝ่ายปฏิวัติและไม่ยอมต่อผู้รุกรานจากภายนอก

สหรัฐอเมริกาไม่อาจชนะได้

บรรดาผู้สื่อข่าวต่างชาติภาคสนามโดยเฉพาะผู้สื่อข่าวชาวอเมริกันมีส่วนร่วมไม่น้อยต่อการที่สหรัฐอเมริกายอมถอนทหารออกจากเวียดนาม    บทความ ข่าวและภาพถ่ายจากสมรภูมิทำให้ชาวอเมริกันและประชาคมระหว่างประเทศเข้าใจธาตุแท้ของสงครามในเวียดนาม ซึ่งได้สร้างแรงกดดันจนทำให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาต้องยุติการขยายสงคราม  นายเดวิด แลมบ์ ผู้สื่อข่าวภาคสนามของสำนักข่าวยูพีไอเล่าว่า  “ ก่อนไปเวียดนาม ผมสนับสนุนสงครามเพราะเห็นว่า เป็นสิ่งที่สหรัฐอเมริกาต้องทำคือ ต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์  แต่ ๒ ปีที่อยู่ในเวียดนาม ความคิดเห็นของผมก็ได้เปลี่ยนไป ซึ่งผมเห็นว่า นี่เป็นสงครามที่สหรัฐอเมริกาไม่อาจชนะได้และไม่ควรเข้าร่วม

นายเดวิดเคยมาสมรภูมิเวียดนามช่วงปีค.ศ.๑๙๖๘-๑๙๗๐ ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามดุเดือดที่สุด และเขาได้กลับมาเวียดนามในช่วงปลายเดือนเมษายนค.ศ.๑๙๗๕เพื่อรายงานข่าวเกี่ยวกับความล่มสลายของรัฐบาลสาธารณรัฐเวียดนาม  นายเดวิด แลมบ์เข้าใจสาเหตุที่ทำให้สหรัฐอเมริการต้องพ่ายแพ้  นายเดวิดกล่าวว่า  “ ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ข้อหนึ่งของพวกเราคือ ไม่เข้าใจคนเวียดนามและความอดทนอดกลั้น ความทรหด ลัทธิชาตินิยม สมรรถภาพในการสู้รบ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและภาษาของพวกเขา  ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้มาจากการขาดความเข้าใจดังกล่าว  ผมหวังว่า สหรัฐอเมริกาจะเรียนรู้ประสบการณ์จากสงครามเวียดนาม

ความคิดเห็นและมุมมองของชาวอเมริกันเกี่ยวกับสงครามเวียดนามในโอกาสการปลดปล่อยถภาคใต้เวียดนามอย่างสมบูรณ์รวมประเทศเป็นหนึ่งเดียวครบรอบ ๔๐ ปีทำให้ชัยชนะแห่งประวัติศาสตร์นี้ของเวียดนามมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น ./.


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

นายเทพชนะพันธ์ อภิไกรยกายสิทธิ์

อื็อ เล็กพริกขี้หนู แฮะคิๆๆ

ข่าวอื่นในหมวด