(VOVworld) - ในยุคแห่งการผสมผสาน สถานประกอบการเวียดนามกำลังประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่ที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มผลผลิต ยกระดับคุณภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้น การวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีถือเป็นแนวทางที่จำเป็นและถูกต้องในการพัฒนาของสถานประกอบการเวียดนามช่วงปี 2011-2020

การวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่มีความหมายสำคัญเป็นอย่างมาก (Photo Internet)

การยกระดับเทคโนโลยี่ในยุคแห่งการผสมสานเศรษฐกิจโลกมีความหมายสำคัญต่อสถานประกอบการ ดังนั้น ความร่วมมือระหว่างสถานประกอบการกับองค์การวิทยาศาสตร์และนักวิชาการเป็นเรื่องที่จำเป็น  โดยการนำเทคโนโลยี่ที่ทันสมัยประยุกต์ใช้ในแผนกอาชีพต่างๆของเศรษฐกิจ นาย Ha The Phuong ผู้อำนวยการบริษัทหุ้นส่วน PVC จ. Ha Nam เผยว่า “ถ้าหากไม่มีความช่วยเหลือของนักวิชาการ ทางบริษัทยจะไม่ประสบความสำเร็จดังปัจจุบันได้” โดยทางบริษัทได้เปิดสถาบันการวิจัยเทคโนโลยี่ใหม่ ซึ่งช่วยให้บริษัทเป็นฝ่ายรุกในการวางแนวทางการทำงานและสามารถผลิตผิลตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและมีราคาที่ย่อมเยา     “ อาจกล่าวได้ว่า บริษัทของเราเป็นบริษัทภาคเอกชนแห่งแรกที่มีสถาบันวิจัยของตนเองโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือในการผลิตเสาเข็ม สถาบันวิจัยของเรามีดร.และศ.ชั้นนำในด้านธรณีวิทยาและโครงสร้างรวม 12 นาย รวมไปถึงนักวิชาการอีกมากมาย  ซึ่งได้ให้การช่วยเหลือพวกเราเป็นอย่างมาก”

            ในประเทศที่มีการพัฒนาด้านวิทยาศาตร์และมีความแข่งขันสูง สถานประกอบการต้องลงทุนในด้านวิทยาศาสตร์ให้มากเพื่อสามารถคงอยู่ได้ แต่ในเวียดนาม สถานประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่มีเงินทุนอย่างเพียงพอเพื่อให้มีสถาบันวิจัยของตนเอง ซึ่งพวกเขาส่วนใหญ่กำลังต้องแก้ไขปัญหาการเพิ่มรายได้และการสร้างงานทำใหม่ให้แก่ผู้ใช้แรงงาน ดังนั้นจึงยังไม่ให้ความสนใจมากนักถึงการวิจัยวิทยาศาสตร์ สถานประกอบการเวียดนามส่วนใหญ่ยังไม่ตระหนักถึงบทบาทที่สำคัญของการช่วยเหลือในการวิจัยวิทยาศาสตร์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี่ ฉนั้นจึงยังไม่มีการลงทุนอย่างเพียงพอ นาย Tran Van Tung รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่เวียดนามเผยว่า ทางกระทรวงกำลังปฏิบัติมาตรการต่างๆเพื่อให้สถานประกอบการเวียดนามกลายเป็นสถานประกอบการแห่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่   “ สถานประกอบการในรูปลักษณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่จะต้องเป็นสถานประกอบการที่มีผลการวิจัย มีความประดิษฐ์คิดค้นและมาตรการที่มีประโยชน์และมีการคุ้มครองเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ถึงแม้ว่ามีจำนวนไม่มากนักแต่คาดว่า สถานประกอบการเหล่านี้จะมีส่วนสบทบเงินทุนให้แก่เศรษฐกิจเวียดนามประมาณ 9 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2020  ทางกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโยลี่ได้ยื่นเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติโครงการช่วยเหลือในการพัฒนาของสถานประกอบการดังกล่าวเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การพัฒนาของรูปแบบสถานประกอบการใหม่และกองกำลังผลิตใหม่ในเวียดนาม”

การวิจัยในมหาวิทยาลัยแห่งชาติโฮจิมินห์ (Photo Internet)

ตามข้อมูลสถิติของกระทรวง รายงานการถ่ายทอดเทคโนโลยี่ของสถานประกอบการเวียดนามกับกระทรวงเป็นเพียงการสรุปรายชื่อเทคโนโลยี่เท่านั้น ในการสัมมนาเมื่อเร็วๆนี้ ระหว่างสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่เวียดนามกับสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศ Wallonie ประเทศเบลเยียมภายใต้หัวข้อ “บทบาทของสำนักงานการถ่ายทอดเทคโนโลยี่ในการพัฒนามนุษย์และเศรษฐกิจ” ศ. Claude Jamar อธิการบดีมหาวิทยาไล Liege เขต Wallonie ประเทศเบลเยี่ยมได้กล่าวว่า เวียดนามต้องพัฒนาบทบาทการวิจัยของสถานบันวิจัยในมหาวิทยาลัยและศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยี่ ซึ่งรวมทั้งต้องมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับสถานประกอบการในการวิจัยเพื่อรับใช้ให้แก่การพัฒนาของเศรษฐกิจและสังคม  โอกาสนี้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญได้ยืนยันว่า ในสภาวะการณ์ปัจจุบัน การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้กลายเป็นเป้าหมายที่สำคัญแต่สิ่งเหล่านี้ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถด้านเทคโนโลยี่ของสถานประกอบการแต่ละแห่ง ดังนั้น นอกจากมาตรการส่งเสริมการค้าแล้ว จำเป็นที่จะต้องส่งเสริมการลงทุนด้านเทคโนโลยี่อีกด้วย  แต่อย่างไรก็ตาม สถานประกอบการเวียดนามต้องทำการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี่ที่สอดคล้องกับเงื่อนไขของตนเอง ต้องเป็นฝ่ายรุกกับหน่วยงานวิจัยวิทยาศาสตร์และประยุกต์ใช้เทคโนโลยี่ที่ทันสมัยอย่างเหมาะสมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่สถานประกอบการ  ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่สถานประกอบการเวียดนามต้องร่วมมือกันเพื่อผลักดันให้ระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเวียดนามพัฒนายิ่งขึ้น เพื่อเป็นพื้นฐานให้แก่ความสำเร็จของสถานประกอบการในอนาคตและมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาของเศรษฐกิจและสังคมเวียดนาม./.