(VOVworld) – การเสวนาเชิงวิชาการภายใต้หัวข้อ “มาตรการก้าวกระโดดให้แก่การระดมและส่งเสริมพลังทุกแหล่งที่เข้มแข็งและความคิดสร้างสรรค์ของประชาชนเพื่อปฏิบัติภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศให้ประสบความสำเร็จ” ซึ่งจัดโดยสถาบันการเมืองแห่งชาติโฮจิมินห์ได้มีขึ้นเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ กรุงฮานอย บรรดาผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการได้ถกกันเกี่ยวกับการปรับปรุงมาตรการก้าวกระโดดให้มีความสมบูรณ์เพื่อปฏิบัติภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเน้นถึงการส่งเสริมบทบาทของประชาชน

ภายหลังกว่า 30 ปีที่ทำการเปลี่ยนแปลงใหม่ เวียดนามได้บรรลุผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในทุกด้านที่มีความหมายทางประวัติศาสตร์ นั่นคือประเทศได้หลุดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจสังคมและเข้ากลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ในช่วงเวลาดังกล่าว อัตราการขยายตัวจีดีพีเฉลี่ยอยู่ในระดับค่อนข้างสูง โดยเมื่อปี 2014 การขยายตัวจีดีพีเฉลี่ยต่อหัวประชากรอยู่ที่ 2พันดอลลาร์สหรัฐ ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งผลสำเร็จนี้ได้ทำให้สถานะและพลังของเวียดนามได้รับการยกระดับให้สูงขึ้นบนเวทีโลก เพื่อบรรลุผลงานนี้ หนึ่งในเหตุผลคือเวียดนามได้ดึงดูดและส่งเสริมพลังทุกแหล่งของประชาชนอย่างไม่หยุดยั้ง
ผลสำเร็จในการดึงดูดพลังทุกแหล่งของประชาชน
ในช่วงเวลาทำการเปลี่ยนแปลงใหม่ พร้อมกับการผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจ พรรคและรัฐเวียดนามได้ให้ความสนใจ ดูแลการพัฒนาชีวิตในทุกด้านของประชาชน ส่งเสริมสิทธิเป็นเจ้าของอย่างแท้จริงของประชาชนบนพื้นฐานการผลักดันกลุ่มมหาสามัคคีชนในชาติและได้บรรลุผลงานที่สำคัญเกี่ยวกับการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและแก้ปัญหาความยากจน โดยเฉพาะในตลอด 25 ปี ตั้งแต่ปี 1990-2015 อัตราครอบครัวยากจนในเวียดนามได้ลดลงจากร้อยละ 60 เหลือเพียงร้อยละ 5.97 โดยมีประชาชนกว่า 30 ล้านคนหลุดพ้นจากความยากจน เวียดนามยังบรรลุผลงานที่น่าประทับใจในด้านศึกษาและสาธารณสุข โดยอัตราเด็กไปโรงเรียนในระดับประถมศึกษาบรรลุกว่าร้อยละ 95  และระดับโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นอยู่ที่ร้อยละ 80  เวียดนามกลายเป็นตัวอย่างเกี่ยวกับงานด้านสวัสดิการสังคมระดับโลก ควบคู่กับกระบวนการพัฒนาประเทศ บทบาทการเป็นเจ้าของของประชาชนได้รับการให้ความสำคัญและส่งเสริมในทางเป็นจริง ภายใต้แนวทาง “ประชาชนทราบ ประชาชนหารือ ประชาชนปฏิบัติและประชาชนตรวจสอบ” ได้รับความสนใจปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพในทุกระดับ ซึ่งช่วยให้ประชาชนมีเงื่อนไขเข้าร่วมทุกกิจกรรมทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและสังคม ควบคู่กันนั้น กลุ่มมหาสามัคคีชนในชาติได้รับการเสริมสร้าง ผลักดันและส่งเสริมในระดับสูง มีส่วนร่วมสร้างความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ในระดับสูงในประชาชนทุกหมู่เหล่า

ส่งเสริมพลังทุกแหล่งในการเปลี่ยนแปลงใหม่ต่อไป
เนื้อหาหลักของการดำเนินภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศในปัจจุบันคือนำเวียดนามกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย โดยมาตรการที่เป็นก้าวกระโดดคือถือวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สติปัญญาและแหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพสูงเป็นพลังขับเคลื่อนหลัก โดยเวียดนามเน้นพัฒนาหน่วยงานอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล การแปรรูป อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง อุตสาหกรรมสะอาด อุตสาหกรรมพลังงาน สร้างสรรค์การเกษตรตามแนวทางผลิตในเชิงอุตสาหกรรมและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมทั้งผลักดันการพัฒนาการเกษตรตามแนวทางที่ทันสมัย บรรลุการขยายตัวที่สูงกว่าภาคการผลิตและอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ ศาสตราจารย์ ดร. โด๋เท้หุ่ง อดีตหัวหน้าสถาบันเศรษฐกิจการเมืองของสถาบันการเมืองแห่งชาติโฮจิมินห์ได้เสนอมาตรการแก้ไขว่า“ถ้าอยากมีเทคโนโลยีขั้นสูง ต้องผลักดันการวิจัยวิทยาศาสตร์หรือนำเข้าเทคโนโลยี คำถามที่วางไว้คือต้องทำเช่นไรเพื่อมีแหล่งบุคลากรด้านเทคโนโลยีขั้นสูงและเงินทุนให้แก่การวิจัยหรือนำเข้าเทคโนโลยี เพราะถ้าหากตระหนักแต่เพียงว่าต้องทำเช่นไรเมื่อเริ่มกระบวนการเปลี่ยนแปลงใหม่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างสมบูรณ์และพร้อมเพรียงได้ หากต้องมีวิธีการดึงดูดทรัพยากรมนุษย์และวัตถุดิบ โดยเฉพาะเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงใหม่”
เพื่อดำเนินภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ แนวทางหลักของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามคือพัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืนในทุกด้านทั้งเศรษฐกิจ วัฒนธรรม สังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งประเมินความถูกต้องของแนวทางและนโยบายเพื่อเพิ่มผลผลิต คุณภาพ ประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจ
ในวาระของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 12 พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้กำหนดการ “ผลักดันการเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างสมบูรณ์และพร้อมเพรียง ส่งเสริมพลังทุกแหล่งและพลังขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาประเทศอย่างรวดเร็วและยั่งยืน หนึ่งใน 6 ด้านหลักที่เน้นปฏิบัติคือ “ดึงดูด ส่งเสริมพลังที่เข้มแข็งของทุกแหล่งและความคิดสร้างสรรค์ของประชาชน”  จากทางทฤษฎีถึงสถานการณ์ที่เป็นจริงในการปฏิบัติได้แสดงให้เห็นว่า การปฏิบัติอย่างเหมาะสมควบคู่กับการปกป้อง พัฒนาและส่งเสริมแหล่งพลังอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแหล่งพลังของประชาชนเพื่อค้ำประกันเงื่อนไขให้แก่การพัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืนของเวียดนามในปัจจุบันและอนาคตคือสิ่งที่มีความหมายเป็นอย่างยิ่งต่อภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ในปัจจุบัน.