ส่งเสริมสัมพันธไมตรีและความร่วมมือในทุกด้านเวียดนามกับมาเลเซียให้พัฒนาอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
(VOVworld) – ตามคำเชิญของท่านเหงียนเติ้นหยุงนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ท่านนาจิบ ตุน ราซัคนายกรัฐมนตรีมาเลเซียและภริยาได้เดินทางมาเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการในระหว่างวันที่๓ถึงวันที่๕เดือนนี้เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับมาเลเซีย อีกทั้งเปิดโอกาสความร่วมมือใหม่ๆโดยเฉพาะ ด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนในเวลาข้างหน้า
(VOVworld) – ตามคำเชิญของท่านเหงียนเติ้นหยุงนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ท่านนาจิบ ตุน ราซัคนายกรัฐมนตรีมาเลเซียและภริยาได้เดินทางมาเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการในระหว่างวันที่๓ถึงวันที่๕เดือนนี้เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับมาเลเซีย อีกทั้งเปิดโอกาสความร่วมมือใหม่ๆโดยเฉพาะ ด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนในเวลาข้างหน้า
|
ท่านนาจิบ ตุน ราซัคนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย( Photo:dautu) |
จากการที่ต่างอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เวียดนามและมาเลเซียได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมีนาคมปี๑๙๗๓และในปี๑๙๗๖ ทั้งสองประเทศได้เปิดสถานทูตในนครหลวงของแต่ละประเทศและจนถึงปี๒๐๐๔ ทั้งสองประเทศได้ออกแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับกรอบหุ้นส่วนในทุกด้านในศตวรรษที่๒๑ซึ่งนับแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน ความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองประเทศได้พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งในหลายด้าน ทั้งสองประเทศธำรงการเยือนและการพบปะระดับสูงซึ่งล่าสุดคือ การเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการของท่านเจืองเติ้นซางประธานประเทศเวียดนามเมื่อเดือนกันยายนปี๒๐๑๑ ท่านเหงวียนถิยวานรองประธานประเทศเวียดนามได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำโลกเมื่อเดือนมิถุนายนปี๒๐๑๓และท่านหว่างจูงหายรองนายกรัฐมนตรีเวียดนามได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดนักธุรกิจโลกที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อเดือนตุลาคมปี๒๐๑๓
ความร่วมมือที่กว้างลึกในทุกด้าน
สำหรับเวียดนาม มาเลเซียเป็นหุ้นส่วนการค้าใหญ่อันดับ๓ในอาเซียนและใหญ่เป็นอันดับ๙ของโลก จนถึงปัจจุบัน มาเลเซียมีโครงการลงทุนในเวียดนามกว่า๔๐๐โครงการ รวมยอดเงินทุนจดทะเบียนกว่า๑หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าการค้าต่างตอบแทนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเมื่อปี๒๐๑๒มูลค่าการค้าต่างตอบแทนอยู่ที่๗.๙พันล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ๑๖เมื่อเทียบกับปี๒๐๑๑และในปี๒๐๑๓ มูลค่าการค้าต่างตอบแทนอยู่ที่๙พันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อปี๑๙๙๑ บริษัทปิโตรเลี่ยมปิโตรเวียดนามและปิโตรนาสมาเลเซียได้สถาปนาความสัมพันธ์ร่วมมือโดยทั้งสองฝ่ายได้ปฏิบัติโครงการร่วมมือในเวียดนาม๑๐โครงการที่มีปริมาณการขุดเจาะน้ำมัน๗๒,๐๐๐บาเรลต่อวัน นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังร่วมมือกันในด้านการบริการ การแปรรูปและสำรวจหาแหล่งปิโตรเลี่ยม ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในข้อตกลงร่วมมือหลายฉบับที่ได้อำนวยความสะดวกเพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศพัฒนาในทุกด้าน เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในปัจจุบัน ท่านโด๊หิวห้าวนายกสมาคมมิตรภาพเวียดนาม–มาเลเซียกล่าวว่า“ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมและการค้านับวันยิ่งพัฒนาและมูลค่าการค้าต่างตอบแทนนับวันยิ่งเพิ่มขึ้น รวมทั้งการลงทุนโดยตรงจากมาเลเซียในเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านปิโตรเลี่ยม การท่องเที่ยวและการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมในเวียดนาม ในด้านวัฒนธรรม ทั้งสองประเทศได้มีการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนเป็นประจำซึ่งถือเป็นความสัมพันธ์มิตรภาพพิเศษและใกล้ชิดสนิทสนมเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ ปัจจุบันในครอบครัวใหญ่อาเซียน ความสัมพันธ์นี้นับวันยิ่งได้รับการเสริมสร้าง พวกเราถือว่า นี่เป็นความสัมพันธ์ที่หายากที่ต้องได้รับการธำรงรักษาและพัฒนา”
นับตั้งแต่ทั้งสองประเทศยกเลิกวีซ่าระหว่างกันเมื่อเดือนกันยายนปี๒๐๐๑ จำนวนนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่เดินทางมาเที่ยวเวียดนามได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเมื่อปี๒๐๑๒มีนักท่องเที่ยวมาเลเซียเกือบ๓แสนคนเดินทางมาเที่ยวเวียดนามและมีนักท่องเที่ยวเวียดนามกว่า๒แสนคนเดินทางไปเยือนมาเลเซียเนื่องจากมีการเปิดเที่ยวบินตรงทุกวันในเส้นทางกรุงกัวลาลัมเปอร์–กรุงฮานอยและกรุงกัวลาลัมเปอร์–นครโฮจิมินห์ ข้อตกลงระดับรัฐบาลเกี่ยวกับความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างสองประเทศได้อำนวยความสะดวกให้แรงงานเวียดนามประมาณ๘หมื่นคนที่กำลังทำงานในประเทศมาเลเซีย ความร่วมมือด้านความมั่นคง กลาโหมและด้านอื่นๆก็ประสบผลสำเร็จเป็นที่น่ายินดี
นโยบายต่างประเทศที่มีความละม้ายคล้ายคลึงกัน
ในนโยบายต่างประเทศของทั้งเวียดนามและมาเลเซียล้วนมีแนวทางสร้างสรรค์ บรรยากาศที่มีเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาค ค้ำประกันและส่งเสริมผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศของตนผ่านการกระชับความสัมพันธ์โดยตรงกับประเทศอื่นๆ หรือฟอรั่มพหุภาคี ขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศที่กำลังพัฒนาผ่านการสนับสนุนอย่างเต็มที่และการผลักดันความสัมพันธ์ใต้–ใต้ โดยเฉพาะ ทั้งสองประเทศให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการผลักดันความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆในอาเซียน ท่านDato Azmil Zabidi เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำเวียดนามกล่าวว่า“พวกเราได้มีความร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้นในอาเซียน ผมเห็นว่า ความร่วมมือนี้นำผลประโยชน์อย่างจริงจังมาให้แก่ทั้งองค์การอาเซียนซึ่งไม่หยุดอยู่แค่การขยายความร่วมมือกับประเทศอื่นๆในภูมิภาคเท่านั้นแต่ยังขยายการผสมผสานเข้ากับโลกเพื่อเป้าหมายมุ่งสู่การสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนที่สามัคคีและเจริญรุ่งเรืองภายในปี๒๐๑๕”
บนพื้นฐานของความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างสองประเทศ การเยือนเวียดนามครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นโอกาสเพื่อให้ผู้นำทั้งสองประเทศหารือถึงมาตรการต่างๆเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีให้มีความลึกซึ้งยิ่งขึ้นและหารือถึงแนวทางผลักดันความร่วมมือในด้านเศรฐกิจ การค้า การลงทุน แรงงาน พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาภูมิภาคและโลกที่ทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสนใจ./.