(VOVworld)- ประชาคมระหว่างประเทศมีความโล่งอกมากขึ้นเมื่ออิสราเอลและปาเลสไตน์สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงภายหลังการปะทะอย่างดุเดือดตลอด4วัน ซึ่งเป็นผลจากความพยายามของอิยิปต์ในการป้องกันไม่ให้มีการใช้ปฏิบัติการทางทหารที่มุ่งเป้าไปยังฉนวนกาซาเพื่อยุติความสูญเสียของชาวปาเลสไตน์

การโจมตรของอิสราเอลได้ส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตจำนวนมาก- Photo internet

พร้อมกับข้อตกลงหยุดยิงใหม่นั้น เมื่อวันที่12มีนาคม นาย บันคีมูน เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติได้เป็นประธานการประชุมกลุ่ม4ฝ่ายที่ประกอบด้วยสหประชาชาติ สหรัฐ รัสเซียและสหภาพยุโรปเพื่อแสวงหามาตรการแห่งสันติภาพให้แก่ตะวันออกกลาง โดยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ฮิลลารี กลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย Sergei Lavrov ผู้แทนของอียูดูแลปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ Catheirine Ashton  และทูตพิเศษของกลุ่มสี่ฝ่ายเกี่ยวกับสันติภาพในตะวันออกกลาง โทนี่แบลร์ ได้ร่วมหารือในปัญหาสำคัญต่างๆของการเจรจาระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ เช่น ปัญหาดินแดน ความมั่นคง ผู้ลี้ภัย  ระเบียบการต่อนครเยรูซาเลม การยุติการยึดครองของอิสราเอลบนดินแดนปาเลสไตน์ที่ยืดเยื้อตั้งแต่ปี1967  เป็นอันว่าข้อตกลงดังกล่าวได้บ่งบอกถึงการเปิดระยะแห่งสันติภาพใหม่ให้แก่ตะวันออกกลางที่น่ายินดีเพราะก่อนหน้านี้สถานการณ์ในฉนวนกาซาก็ได้สร้างความวิตกให้ผู้สังเกตุการณ์ระหว่างประเทศเมื่อทางการเทลอาวีฟได้เปิดการโจมตีฉนวนกาซาโดยอ้างว่าเป็นการตอบโต้ต่อการที่กองกำลังของปาเลสไตน์ได้ยิงจรวดและปืนใหญ่ใส่เขต Eshkol ทางภาคใต้ของอิสราเอลยังผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ4คน  ซึ่งนายกฯอิสราเอลยังได้ยืนยันอีกว่ารัฐของชาวยิวจะโจมตีทุกกองกำลังที่มีแผนจะต่อต้านชาวอิสราเอล ส่วนตามสถิติใน4วันที่อิสราเอลเปิดการโจมตีทางอากาศนั้นมีชาวปาเลสไตน์ที่เสียชีวิตอย่างน้อย20คนและได้รับบาดเจ็บอีกกว่า30คน  ซึ่งนับเป็นการปะทะกันที่รุนแรงและนองเลือดที่สุดระหว่างสองฝ่ายในรอบ3ปีที่ผ่านมา ณ ฉนวนกาซา และความตึงเครียดดังกล่าวก็ยิ่งทวีขึ้นอีกเมื่อทั้งอิสราเอลและปาเลสไตน์ต่างเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติต้องมีปฏิบัติการทันที โดยอิสราเอลติติงว่าประชาคมระหว่างประเทศได้เมินเฉยต่อการยิงจรวดและปืนใหญ่จากฉนวนกาซาในขณะที่ปาเลสไตน์ได้เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงต้องมีปฏิบัติการเพื่อยุติสถานการณ์ดังกล่าวทันทีและกล่าวหาอิสราเอลว่าเป็นฝ่ายที่ทำให้สถานการณ์มีความรุนแรงยิ่งขึ้น

เขตตั้งถิ่นฐานของชาวยิว - Photo internet

ทั้งนี้ สัญญาณที่น่ายินดีต่างๆดังกล่าวก็ช่วยสร้างความหวังให้แก่ประชามติระหว่างประเทศในขณะที่กระบวนการเจรจาว่าด้วยสันติภาพของตะวันออกกลางตกอยู่ในภาวะชงักงันกว่า1ปีที่ผ่านมา โดยสาเหตุหลักที่สร้างความขัดแย้งในการเจรจาก็คืออิสราเอลยังคงขยายกิจการก่อสร้างเขตตั้งถิ่นฐานของชาวยิวในดินแดนที่ยึดครองของปาเลสไตน์ในขณะที่กำลังทำการเจรจาสันติภาพ ส่วนทางการปาเลสไตน์ได้ตั้งเงื่อนไขชี้ขาดว่าอิสราเอลต้องยุติกิจกรรมนี้ถึงจะมีการร่วมแสวงหาเสียงพูดเดียวกันได้ แต่อย่างไรก็ดี ประชามติยังเห็นว่า สัญญาณดังกล่าวยังมีความเปราะบางและจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งสร้างความไว้วางใจต่อกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากจะบรรลุความคืบหน้าได้ โดยก่อนอื่นนั้นทางฝ่ายปาเลสไตน์เองก็ยังมีความเห็นที่ไม่ตรงกันเกี่ยวกับการปฏิบัติข้อตกลงว่าด้วยการจัดตั้งรัฐบาลสามัคคีที่ได้ลงนามเมื่อวันที่6กุมภาพันธ์ ณ โดฮา ประเทศการ์ตาระหว่างกลุ่มฮามาสและฟาต้า ส่วนในด้านความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์นั้น ในต้นเดือนมีนาคมนี้ ปาเลสไตน์ได้ส่งสาส์นถึงอิสราเอลโดยผ่านคนกลางคือจอร์แดนที่ย้ำถึงเงื่อนไขต่างๆเพื่อที่จะฟื้นฟูการเจรจาสันติภาพเช่น การยอมรับสองประเทศที่มีเส้นแบ่งพรมแดนปี1967และการยุติการก่อสร้างเขตตั้งถิ่นฐานของชาวยิว รวมทั้งในเขตเยรูซาเลมตะวันออก  ซึ่งประชามติได้ประเมินว่า อิสราเอลยากที่จะยอมรับกับเงื่อนไขเหล่านี้ ได้

เป็นอันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ยังคงเต็มไปด้วยอุปสรรคยากที่จะฝ่าฟันไปได้ แต่ประชามติก็ยังตั้งความหวังว่า จากข้อตกลงใหม่ระหว่างสองฝ่ายบวกกับความพยายามของประชาคมระหว่างประเทศจะสามารถสร้างพื้นฐานที่สำคัญและเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อสร้างปัจจัยที่เอื้อให้แก่กระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลาง./.