สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีทวีความตึงเครียด

(VOVworld)- วันที่25มีนาคมนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐบารักโอบามาจะเดินทางไปเยือนเขตปลอดทหาร DMZ ที่กั้นระหว่างสาธารณรัฐเกาหลีกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีก่อนที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดด้านนิวเคลียร์ ณ กรุงโซล ซึ่งถึงแม้การเยือนนี้จะเพื่อเป็นการยืนยันถึงการสนับสนุนของสหรัฐต่อพันธมิตรในเอเซียตะวันออกเฉียงเหนือแต่ก็แฝงไว้ซึ่งผลกระทบที่ไม่อาจคาดคิดได้ โดยเฉพาะในเมื่อสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีกำลังทวีความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น
(VOVworld)- วันที่25มีนาคมนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐบารักโอบามาจะเดินทางไปเยือนเขตปลอดทหาร DMZ ที่กั้นระหว่างสาธารณรัฐเกาหลีกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีก่อนที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดด้านนิวเคลียร์ ณ กรุงโซล ซึ่งถึงแม้การเยือนนี้จะเพื่อเป็นการยืนยันถึงการสนับสนุนของสหรัฐต่อพันธมิตรในเอเซียตะวันออกเฉียงเหนือแต่ก็แฝงไว้ซึ่งผลกระทบที่ไม่อาจคาดคิดได้ โดยเฉพาะในเมื่อสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีกำลังทวีความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น
สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีทวีความตึงเครียด - ảnh 1
เขตปลอดทหาร DMZ ที่กั้นระหว่างสาธารณรัฐเกาหลีกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี

ทั้งสหรัฐและสาธารณรัฐเกาหลีต่างก็เข้าใจดีว่า นี่เป็นช่วงเวลาที่มีความอ่อนไหวในการเยือนเขตปลอดทหาร โดยเฉพาะในเมื่อข่าวการเยือนได้มีขึ้นภายหลังที่เปียงยางประกาศแผนการยิงดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศในเดือนเมษายนนี้เพื่อรำลึกครบรอบ100ปีวันคล้ายวันเกิดของประธานคิมอิลซุงเพียงไม่กี่วัน ส่วนประชามติก็กำลังมีความวิตกต่อความตั้งใจของเปียงยางในเรื่องนี้และพยายามแสวงหามาตรการที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เกิดจากเหตุการณ์ยิงดาวเทียมต่อกระบวกการเจรจา6ฝ่ายว่าด้วยปัญหานิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี รวมไปถึงการที่เปียงยางได้แสดงท่าทีคัดค้านอย่างรุนแรงต่อการซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐเกาหลีในช่วงที่ผ่านมาโดยเปียงยางได้ถือว่านี่เป็นการกระทำที่ยั่วยุอย่างร้ายแรงและเดินสวนกับความปรารถนาของชาวสาธาณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีและทั่วโลกว่าด้วยเสถียรภาพและสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี

ทั้งนี้ การเยือนเขตปลอดทหารเป็นครั้งแรกของนายโอบามาได้ทำให้ผู้สังเกตุการณ์ระหว่างประเทศรู้สึกกังวลเพิ่มอีก ซึ่งสามารถเห็นจากความหมายลึกๆที่แสดงออกในคำปราศรัยของนาย เบน รูดีส์ ผู้ช่วยที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีโอบามา เกี่ยวกับเป้าหมายของการเยือนนี้ที่ว่า นายโอบามาอยากทำการสดุดีทหารอเมริกันกว่า2หมื่น8พันนายที่กำลังประจำการในสาธารณรัฐเกาหลี ส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านพันธมิตรกับทางการโซลตลอดจนยืนยันอีกครั้งถึงคำมั่นของวอชิงตันต่อปัญหาความมั่นคงของสาธารณรัฐเกาหลี และสิ่งนี้ก็ได้รับการพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐได้เผยว่าในโอกาสนี้ประธานาธิบดีสหรัฐจะยืนยันอีกครั้งถึงคำเรียกร้องให้เปียงยางปฏิบัติตามระเบียบการระหว่างประเทศว่าด้วยปัญหานิวเคลียร์ ซึ่งจากประกาศต่างๆดังกล่าว ก็เป็นการบ่งบอกถึงทัศนะของสหรัฐที่ว่าจะอยู่เคียงข้างพันธมิตรคือสาธารณรัฐเกาหลีต่อไป  และการที่นายโอบามาได้เดินทางเยือนสาธารณรัฐเกาหลีก็เป็นการย้ำถึงแนวทางการปรับเปลี่ยนนโยบายด้านการทูตไปยังภูมิภาคเอเซีย ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีความคล่องตัวและมีความหมายสำคัญต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของสหรัฐในอนาคต  ถึงแม้ว่าจนถึงขณะนี้ ฝ่ายเปียงยางยังไม่ได้แสดงท่าทีอย่างเป็นทางการต่อข่าวการเยือนเขตปลอดทหารของนายโอบามาแต่ตามความเห็นของบรรดาผู้สังเกตุการณ์ สถานการณ์นี้จะไม่เอื้อประโยชน์ให้แก่การผลักดันการเจรจา6ฝ่าย

กลับไปในช่วงหลายสัปดาห์ก่อน เมื่อสหรัฐและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีได้ประกาศว่าเปียงยางตกลงในการปฏิบัติข้อตกลงว่าด้วยการระงับการทดลองขีปนาวุธพิสัยไกล นิวเคลียร์และกิจกรรมการเสริมสมรรถภาพยูเรเนี่ยมในโรงงานนิวเคลียร์ยองเปียงนั้น ดูเหมือนว่าประชามติจะเริ่มมีความโล่งอกต่อก้าวกระโดดใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างเปียงยางกับสหรัฐและกรุงโซล แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้ก็ได้แสดงให้เห็นว่าความซับซ้อนในความสัมพันธ์ระหว่างสามฝ่ายจะเริ่มกลับมาอีกครั้งและสิ่งนี้จะไม่เอื้ออำนวยต่อการผลักดันการเจรจาว่าด้วยปัญหานิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีในอนาคต./.

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด