สิทธิการป้องกันตนเองร่วมกัน- จุดเปลี่ยนสำคัญในนโยบายความมั่นคงญี่ปุ่น

(VOVworld)-วันที่๑กรกฎาคม พรรคพันธมิตรรัฐบาลญี่ปุ่นได้แก่พรรคเสรีประชาธิปไตยหรือแอลดีพีและพรรคนิว โคเมอิโตะ ได้บรรลุข้อตกลงที่อนุมัติการปฏิบัติสิทธิในการป้องกันตนเองร่วมกัน อันเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลผ่านความเห็นชอบมติว่าด้วยการตีความรัฐธรรมนูญสันติภาพปี๑๙๔๗ ซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในนโยบายความมั่นคงของญี่ปุ่นนับตั้งแต่กองกำลังติดอาวุธญี่ปุ่นได้รับการจัดตั้งเมื่อปี๑๙๕๔


(VOVworld)-วันที่๑กรกฎาคม พรรคพันธมิตรรัฐบาลญี่ปุ่นได้แก่พรรคเสรีประชาธิปไตยหรือแอลดีพีและพรรคนิว โคเมอิโตะ ได้บรรลุข้อตกลงที่อนุมัติการปฏิบัติสิทธิในการป้องกันตนเองร่วมกัน อันเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลผ่านความเห็นชอบมติว่าด้วยการตีความรัฐธรรมนูญสันติภาพปี๑๙๔๗ ซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในนโยบายความมั่นคงของญี่ปุ่นนับตั้งแต่กองกำลังติดอาวุธญี่ปุ่นได้รับการจัดตั้งเมื่อปี๑๙๕๔
สิทธิการป้องกันตนเองร่วมกัน- จุดเปลี่ยนสำคัญในนโยบายความมั่นคงญี่ปุ่น - ảnh 1
นายกฯชินโซ อาเบะ ได้ยืนยันว่า ญี่ปุ่นจะยังคงเป็นประเทศแห่งสันติภาพและกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นจะไม่แทรกแซงยุทธนาการณ์ทางทหารในต่างประเทศ

นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่๒ยุติลง มาตราที่๙ในรัฐธรรมนูญญี่ปุ่นหรือที่เรียกว่ารัฐธรรมนูญสันติภาพปี๑๙๔๗ได้ระบุว่า “ญี่ปุ่นยกเลิกสิทธิของรัฐในการประกาศสงคราม ไม่ธำรงกองทัพบก กองทัพเรือและกองทัพอากาศรวมทั้งกองกำลังอื่นๆและไม่ยอมรับสิทธิในการต่อสู้ระดับรัฐ” ซึ่งข้อกำหนดนี้ได้จำกัดกระบวนการรักษาความมั่นคงแห่งชาติของทางการโตเกียวรวมทั้งความมั่นคงของภูมิภาคด้วย ดังนั้นรัฐบาลญี่ปุ่นมีความประสงค์จะตีความมาตราที่๙นี้ใหม่เพื่อเพิ่มศักยภาพการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ แต่เพื่อให้การอธิบายนี้ชอบด้วยกฎหมายจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนอย่างน้อย๒ใน๓ของสมาชิกรัฐสภาญี่ปุ่นและความเห็นส่วนใหญ่ของประชาชนในการทำประชาพิจารณ์

เป็นฝ่ายรุกในการปกป้องความมั่นคงแห่งชาติ

ต่อสภาวการณ์ที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงโดยพื้นฐาน ความสามารถในการแข่งขันที่นับวันยิ่งมีความเข้มแข็งของประเทศใหญ่ๆในเอเชีย-แปซิฟิก การที่ญี่ปุ่นตีความรัฐธรรมนูญสันติภาพใหม่ถูกมองว่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพทางทหารให้แก่ประเทศนี้ได้มากพอสมควร โดยการยกเลิกข้อกำหนดห้ามปฏิบัติสิทธิในการป้องกันตนเองร่วมกันหรือให้การช่วยเหลือประเทศพันธมิตรที่ถูกโจมตี  ซึ่งหมายความว่าญี่ปุ่นสามารถใช้กำลังทหารในขั้นต่ำสุดเพื่อช่วยปกป้องพันธมิตรที่ถูกโจมตีและการโจมตีนั้นอาจจะคุกคามความมั่นคงของชาติ คุกคามต่อสิทธิเสรีภาพและการมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างผาสุกของชาวญี่ปุ่น นอกจากนั้น การปรับปรุงรัฐธรรมนูญก็ช่วยผ่อนปรนข้อจำกัดการเคลื่อนไหวของญี่ปุ่นในการปฏิบัติหน้าที่การรักษาสันติภาพของสหประชาชาติและการรับมือกับความรุนแรงในระดับต่ำ

การที่ทางการโตเกียวสามารถขยายการใช้กำลังทหารในขอบเขตภูมิภาคถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญต่อดุลความมั่นคงในเอเชีย ซึ่งศ.อาลัน ดูปอนต์ แห่งมหาวิทยาลัย นิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียได้ประเมินว่า หากได้รับการสนับสนุนจากทั้งระบบการเมืองของญี่ปุ่น นี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดในนโยบายกลาโหมของญี่ปุ่นนับตั้งแต่ปี๑๙๕๔เมื่อกองกำลังป้องกันตนเองได้รับการก่อตั้ง  ส่วนตามความเห็นของอดีตนักการทูตญี่ปุ่น คูนิฮีโกะ มิยาเกะ ในที่สุดญี่ปุ่นก็สามารถตามทันมาตรฐานด้านความมั่นคงของโลก  ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงจากสถาบันวิจัยนโยบายแห่งชาติที่โตเกียว มิชีซิตะเห็นว่าความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในนโยบายความมั่นคงของญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่๒จะช่วยเพิ่มความเเข็งแกร่งให้แก่ญี่ปุ่นในการป้องกันตนเอง

พันธมิตรให้การสนับสนุน-ประชามติไม่เห็นด้วย

จนถึงปัจจุบันได้มีหลายประเทศรวมทั้งพันธมิตรของญี่ปุ่นแสดงการสนับสนุนแผนการนี้ของญี่ปุ่น โดยสหรัฐให้การสนับสนุนเพราะอยากปรับความสมดุลของพันธมิตรทางทหารระหว่างสหรัฐกับญี่ปุ่น ออสเตรเลียและฟิลิปปินส์ก็แสดงการสนับสนุน ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศกพช.ได้กล่าวในการหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นเมื่อเร็วๆนี้ว่า แผนการของญี่ปุ่นที่มอบบทบาทหน้าที่มากขึ้นให้แก่กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นจะช่วยธำรงสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค  ในขณะเดียวกันจีนเผยว่าจะเพิ่มความเข้มงวดในการจับตาแผนการของญี่ปุ่น ทางการโซลยอมรับสิทธิการป้องกันตนเองร่วมกันเป็นสิทธิ์แห่งชาติแต่ไม่ยอมรับการที่กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นแทรกแซงการปะทะบนคาบสมุทรเกาหลีถ้าหากไม่ได้รับการร้องขอจากทางการโซล

การแก้รัฐธรรมนูญสันติภาพครั้งนี้ยังสร้างกระแสการถกเถียงกันในประชามติญี่ปุ่นถึงแม้นายกฯชินโซ อาเบะ ได้ยืนยันว่า ญี่ปุ่นจะยังคงเป็นประเทศแห่งสันติภาพและกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นจะไม่แทรกแซงยุทธนาการณ์ทางทหารในต่างประเทศก็ตาม โดยผลจากการหยั่งเสียงประชามติที่จัดโดยหนังสือพิมพ์ มาอินิชิ ซินบุนและนิคเกย์ของญี่ปุ่นปรากฎว่าผู้ที่ตอบแบบสอบถามอย่างน้อยครึ่งหนึ่งคัดค้านแนวทางนี้ ซึ่งเหตุผลที่ทำให้ประชาชนญี่ปุ่นมีความวิตกกังวลคือขอบเขตการปฏิบัติสิทธินี้ของญี่ปุ่นจะถูกขยายทันทีหลังจากข้อห้ามถูกยกเลิกโดยก่อนที่รัฐบาลประชุมหารือชาวญี่ปุ่นจำนวนมากได้จัดการชุมนุมพร้อมชูป้ายคำขวัญ พวกเราต่อต้านสงคราม

ทั้งนี้การที่พรรคพันธมิตรรัฐบาลญี่ปุ่นได้เห็นชอบการแก้ไขนโยบายความมั่นคงหลังยุคสงครามก็ถือเป็นการสร้างเงื่อนไขที่สะดวกให้แก่นายกฯชินโซอาเบะในการแปรแผนการป้องกันประเทศให้เป็นรูปธรรมในเชิงรุก แต่อย่างไรก็ดีการที่จะได้เสียงสนับสนุนจากประชาชนส่วนใหญ่ถือเป็นความท้าทายที่ยากจะฝ่าฟันสำหรับทางการญี่ปุ่น./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด