สันติภาพในตะวันออกกลางยังอยู่ไกลเอื้อม

(VOVWORLD) - เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม สหรัฐได้เปิดสถานทูตประจำเยรูซาเลมอย่างเป็นทางการแม้ได้ถูกคัดค้านจากปาเลสไตน์และประเทศต่างๆ การเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการ “ราดน้ำมันลงบนกองไฟ” ซึ่งทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางมีความผันผวนซับซ้อนมากขึ้น

สันติภาพในตะวันออกกลางยังอยู่ไกลเอื้อม - ảnh 1ป้าย "สถานทูตสหรัฐ" ถูกติดตั้งในเยรูซาเลมเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม (THX) 

การที่สหรัฐเปิดสถานทูตแห่งใหม่ในเยรูซาเลมอย่างเป็นทางการก็เพื่อแปรการตัดสินใจของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อปลายปี 2017 เกี่ยวกับการรับรองเมืองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลให้เป็นรูปธรรม และยืนยันว่า จะย้ายสถานทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟไปยังเมืองเยรูซาเลม ท่าทีของวอชิงตันในช่วงนั้นได้สร้างความไม่พอใจทั้งต่อพันธมิตรอาหรับของสหรัฐและสร้างกระแสการคัดค้านจากชาวปาเลสไตน์ ซึ่งมีความประสงค์อยู่เสมอว่า เยรูซาเลมตะวันออกจะกลายเป็นเมืองหลวงของรัฐปาเลสไตน์ในอนาคต และในครั้งนี้ก็เหมือนกัน กระแสการคัดค้านการเปิดสถานทูตสหรัฐในเยรูซาเลมนับวันเพิ่มขึ้นและที่ถือว่าอันตรายมากขึ้นก็คือปัญหานี้กำลังถูกใช้เป็นข้ออ้างเพื่อปลูกปั่นทำให้ความขัดแย้งในตะวันออกลางที่ยึดเยื้อในหลายทศวรรษที่ผ่านมาปะทุขึ้นโดยไม่สามารถควบคุมได้

ความรุนแรงยังคงเกิดขึ้นในฉนวนกาซ่า

วันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก็ได้กลายเป็นวันที่นองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์การปะทะระหว่างปาเลสไตน์กับอิสราเอลนับตั้งแต่หลังสงครามในฉนวนกาซ่าเมื่อปี 2014 โดยมีชาวปาเลสไตน์ 55 คนเสียชีวิต ซึ่งมีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีรวมอยู่ด้วย 6 คนและมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 2 พันคนจากการปะทะระหว่างกองกำลังรักษาความมั่นคงอิสราเอลกับผู้ชุมนุมประท้วงที่เป็นชาวปาเลสในฉนวนกาซ่า การชุมนุมประท้วงสหรัฐและอิสราเอล และการเรียกร้องทวงคืนฉนวนกาซ่าของชาวปาเลสไตน์ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมจนถึงปัจจุบันทำให้มีชาวปาเลสไตน์กว่า 100 คนเสียชีวิต ส่วนในวันที่ 15 พฤษภาคม ชาวปาเลสไตน์ก็ยังคงเดินหน้าประท้วงสหรัฐ และอิสราเอลและประณามการสังหารหมู่โดยฝีมือของกองกำลังรักษาความมั่นคงอิสราเอล

ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ มาห์มุด อับบาสได้ประกาศจัดพิธีไว้อาลัยเป็นเวลา 3 วันเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมประท้วงเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา พร้อมทั้งย้ำว่า ประชาชนปาเลสไตน์จะไม่ยุติการต่อสู้จนกว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ที่มีเอกราชและมีเมืองหลวงคือเยรูซาเลม ประธานาธิบดี อับบาส ยังเรียกร้องให้ประชาคมโลกมีปฏิบัติการอย่างรวดเร็วเพื่อต่อต้าน “การสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์”

ประเทศต่างๆได้คัดค้านการย้ายสถานทูตสหรัฐไปยังเมืองเยรูซาเลม และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแสวงหามาตรการแก้ปัญหาอย่างสันติ ส่วนหลายประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอลได้ปฏิเสธไม่เข้าร่วมการเปิดสถานทูตสหรัฐในเมืองเรยูซาเลม และกิจกรรมฉลอง 70 ปีวันชาติอิสราเอล เลขาธิการองค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ Saeb Erekat ได้ประณามการเปิดสถานทูตสหรัฐในเยรูซาเลมว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลกระทบในทางลบต่อกระบวนการสันติภาพและการปฏิบัติแนวทาง 2 รัฐอยู่ร่วมกันอย่างสันติ พร้อมทั้งทำให้ประชาชาติต่างๆในภูมิภาคตกเข้าสู่ความรุนแรง ความวุ่นวายและการนองเลือด ในขณะเดียวกัน กลุ่มฮามาสและกองกำลังติดอาวุธในฉนวนกาซ่าได้แสดงความเห็นว่า ไม่สามารถอดทนต่อการกระทำที่ผิดกฎหมายนี้ เยรูซาเลมคือผืนแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์และการมีสถานทูตสหรัฐตั้งอยู่ในเยรูซาเลมพร้อมกับการรับรองเยรูซาเลมคือเมืองหลวงของอิสราเอลถือเป็นการคุกคามต่อสิทธิต่างๆของประชาชนปาเลสไตน์ สันนิบาตอาหรับได้ประณามสหรัฐที่เปิดสถานทูตในเยรูซาเลมโดยแสดงความเห็นว่า นี่คือการกระทำที่น่าอับอายเมื่อยึดครองเยรูซาเลม ละเมิดกฎหมายสากลอย่างรุนแรงและมติฉบับต่างๆของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สันติบาตอาหรับได้ตัดสินใจจัดการประชุมฉุกเฉินในวันที่ 16 เมษายนเพื่อหารือเกี่ยวกับการตัดสินใจ “ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” ของสหรัฐในการย้ายสถานทูตไปยังเยรูซาเลม

สันติภาพในตะวันออกกลางยังอยู่ไกลเอื้อม - ảnh 2พิธีเปิดตัวสถานทูตสหรัฐในเยรูซาเลม (Reuters) 

สันติภาพในตะวันออกกลางยังอยู่ไกลเอื้อม

เยรูซาเลมคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์และเป็นจุดร้อนที่เกิดการปะทะที่ยืดเยื้อมายาวนานในตะวันออกกลาง ประชาคมโลกได้พยายามเป็นอย่างมากเพื่อนำสันติภาพมาให้แก่เขตนี้ แต่ก็ต้องประสบความล้มเหลวหลังจากอิสราเอลยึดครองเยรูซาเลมตะวันออกในสงครามเมื่อปี 1967 จนนำไปสู่การผนวกดินแดนแห่งนี้ และประกาศให้เมืองเยรูซาเลมคือเมืองหลวงของอิสราเอล ส่วนประชาคมโลกก็ไม่ได้รับรองอธิปไตยของอิสราเอลเหนือเยรูซาเลมตะวันออก ส่วนชาวปาเลสไตน์ได้กำหนดว่า เยรูซาเลมตะวันออกคือเมืองหลวงของรัฐปาเลสไตน์ในอนาคต

ในขณะที่อิสราเอลได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ ชาวปาเลสไตน์ได้รับการสนับสนุนจากโลกอาหรับและมุสลิม และนับวันมีหลายประเทศในโลกที่ให้การสนับสนุนกระบวนการสันติภาพในภูมิภาคนี้ผ่านการจัดตั้งสองรัฐอยู่ร่วมกันอย่างสันติ นับตั้งแต่อิสราเอลได้รับการก่อตั้งเมื่อปี 1948 สหรัฐได้ตั้งสถานทูตในเทลอาวีฟซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านการค้าของอิสราเอล รวมถึง 86 ประเทศที่มีความสัมพันธ์กับอิสราเอลก็ได้ตั้งสถานทูตในเทลอาวีฟ แต่ปัจจุบันในสภาวการณ์ความตึงเครียดในภูมิภาคนี้ยังคงยืดเยื้อ การย้ายสถานทูตสหรัฐจากเทลอาวีฟไปยังเยรูซาเลมก็เหมือนการ “ราดน้ำมันลงบนกองไฟ” ซึ่งถือเป็นการกระทำที่อันตรายต่ออนาคตของภูมิภาคนี้.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด