สรุปผลการประชุมครั้งที่สองรัฐสภาเวียดนามสมัยที่ 13

การประชุมครั้งที่ 2 รัฐสภาเวียดนามสมัยที่ 13 ได้สรุปเนื้อหาที่สำคัญต่างๆ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ - สังคม ความมั่นคง - การป้องกันประเทศและการต่างประเทศ โดยเฉพาะการตั้งและตอบกระทู้ถามได้สร้างความประทับใจต่อประชาชนทั่วประเทศ

           การประชุมครั้งที่ 2 รัฐสภาเวียดนามสมัยที่ 13 ได้มีขึ้นในสภาวะการณ์ที่เศรษฐกิจของเวียดนามกำลังประสบกับความยากลำบากและการท้าทายต่างๆ แต่บนเจตนารมณ์ที่ตรงไปตรงมาและการทำงานอย่างเคร่งครัด รัฐสภาได้ทำการวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งและทำการประเมินความได้เปรียบ ความลำบาก ผลสำเร็จ จุดอ่อน สาเหตุและประสบการณ์ในการปฏิบัติหน้าที่ทางเศรษฐกิจและสังคมในเวลาที่ผ่านมา พร้อมทั้งได้ระบุและตั้งเป้าหมายในปี 2012 และในเวลาข้างหน้า           ท่าน Nguyen Sinh Hung ประธานรัฐสภาได้เผยว่า ในการประชุมครั้งนี้ รัฐสภาได้มีการเปลี่ยนแปลงที่น่ายินดีในการเตรียมพร้อม การควบคุมการประชุม เชิดชูสติปัญญาในหมู่ประชาชนและความรับผิดชอบของสำนักงานต่างๆเกี่ยวกับการยื่นและการตรวจสอบข้อเสนอต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงความรับผิดชอบของผู้แทนรัฐสภาทุกคนและการยกระดับคุณภาพในการเตรียมเอกสาร การหารือและการตัดสินใจในเนื้อหาต่างๆที่จะยื่นต่อรัฐสภา  ส่วนมติของรัฐสภาได้ระบุอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรมเกี่ยวกับหน้าที่ มาตกรการแก้ไขและความรับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ละหน่วย โดยเฉพาะการตั้งและตอบกระทู้ถามได้มีขึ้นอย่างคึกคักและมีประสิทธิภาพ      

            “ การตั้งกระทู้ถามได้เน้นถึงปัญหามหภาคโดยมีการหารือตามกลุ่มปัญหาและใช้เวลาทั้งหมดให้แก่การตั้งและตอบกระทู้ถามโดยตรง  การเปลี่ยนแปลงใหม่นั้นได้ทำให้การประชุมครั้งนี้ประสบประสิทธิภาพอย่างจริงจังและได้รับความเห็นพ้องจากผู้แทนรัฐสภาทุกคน

             ส่วนการตอบกระทู้ถามรวม 175 ข้อของ ท่าน Nguyen Tan Dung นายกรัฐมนตรี ของผู้ว่าการธนาคารชาติเวียดนามและรัฐมนตรีอีก 5 ท่านและการอภิปรายของรัฐมตรีและรองนายกรัฐมนตรีอีกบางท่านได้อธิบายเกี่ยวกับปัญหาที่ใหญ่หลวงในการชี้นำและการบริหารของรัฐบาล ซึ่งรวมทั้งการตอบกระทู้ถามโดยตรงที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศ   ปัญหาร้อนแรงต่างๆ เช่น การควบคุมภาวะเงินเฟ้อ การปฏิรูประบบธนาคาร การควบคุมราคา ปัญหาหนี้สาธารณะ ปัญหาการจราจรติดขัด นโยบายการลงทุนในด้านการเกษตรและเกษตรกร พร้อมทั้งการยกระดับคุณภาพในการศึกษา เป็นต้น ต่างได้รับการหารือในการประชุมครั้งนี้ นาย Nguyen Hanh Phuc ปลัดสำนักรัฐสภาเผยว่า การประชุมครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับการประชุมครั้งก่อนๆโดยเฉพาะการตั้งกระทู้ถาม

            “นี่เป็นการประชุมครั้งแรกของการปฏิรูปเนื้อหาการตั้งกระทู้ถาม  ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดจากการเลือกเนื้อหาและกลุ่มเนื้อหาตามเป้าหมายที่จะอนุมัติมติ ที่ขึ้นอยู่กับข้อเสนอของผู้แทนรัฐสภา โดยเลือกตามเงื่อนไข 3 อย่างคือ ต้องมีการตั้งกระทู้ถามจากผู้แทนรัฐสภา เป็นปัญหาที่ได้รับความสนใจจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น

            ส่วนบรรยากาศการตั้งและตอบกระทู้ถามได้มีขึ้นอย่างตรงไปตรงมา มีความรับผิดชอบและจริงจังโดยได้ยกเลิกคำถามที่ยาวเกินไปและไม่ตรงเนื้อหาที่ต้องอภิปราย ซึ่งได้รับคำชมเชยจากผู้แทนรัฐสภาว่า สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนทุกคน            นาย Pham Duc Thuong รองประธานคณะกรรมการแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนามสาขาจ. Quang Binh เผยว่า

           “ พวกเราเห็นว่า การควบคุมการประชุมของประธานรัฐสภาเป็นการพัฒนาประชาธิปไตยอยู่แล้ว ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดจากข้อสรุปต่างๆ ส่วนผู้แทนรัฐสภาได้มีข้อซักถามอย่างตรงไปตรงมาและรัฐมนตรีทุกท่านได้ตอบคำกระทู้ถามอย่างชัดเจน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบของผู้นำกระทรวงและหน่วยงานต่างๆเพื่อแสวงหามาตรการแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วนทางเศรษฐกิจและสังคมที่ประชาชนให้ความสนใจ

            นอกจากนี้ นี่ยังเป็นครั้งแรกในการประชุมที่ท่าน Nguyen Tan Dung นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงปัญหาที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากประชาชนเวียดนามคือปัญหาอธิปไตยเหนือหมู่เกาะ Hoang Sa หรือปาราเซลและ Truong Sa หรือสเปรสลีย์ โดยยืนยันอีกครั้งเกี่ยวกับจุดยืนที่เสมอต้นเสมอปลายของเวียดนามคือ หมู่เกาะ Hoang Sa อยู่ภายใต้อธิปไตยของเวียดนามและมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์และนิตินัยเพื่อยืนยันสิทธิดังกล่าว รวมทั้งมีแนวทางที่จะทำการเจรจาแก้ไขปัญหาอย่างสันติ  นอกจากนี้ ท่าน Nguyen Tan Dung ยังชี้นำการร่างกฏหมายการเดินขบวนประท้วง โดยระบุว่า ต้องสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและเงื่อนไขที่เป็นรูปธรรมของเวียดนาม และกฏหมายสากลและปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน

            การประชุมครั้งที่สองรัฐสภาเวียดนามได้เสร็จสิ้นลงแล้ว โดยมีคำมั่นของผู้บริหารประเทศที่จะแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วนทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งช่วยให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมีความเชื่อมั่นต่อความรับผิดชอบของผู้แทนรัฐสภาและสมาชิกรัฐบาลมากขึ้น พร้อมทั้งหวังว่า พวกเขาจะนำพาประเทศให้หลุดพ้นจากความลำบากต่างๆเพื่อการพัฒนาที่รวดเร็วยิ่งขึ้น./.

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด