สร้างพื้นฐานให้แก่การเจรจาเกี่ยวกับการปลอดนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี

(VOVWORLD) -การประชุมสุดยอดครั้งที่สองระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีได้เสร็จสิ้นลง ณ กรุงฮานอยเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ไม่บรรลุข้อตกลงร่วมแต่นักวิเคราะห์และผู้สังเกตการณ์ระดับโลกหลายคนได้ให้ข้อสังเกตว่า นี่เป็นการประชุมที่มีความหมายสำคัญ ช่วยลดความขัดแย้งและสร้างพื้นฐานให้แก่การเจรจาเกี่ยวกับการปลอดนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีในอนาคต
สร้างพื้นฐานให้แก่การเจรจาเกี่ยวกับการปลอดนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี - ảnh 1นาย โดนัลด์ ทรัมป์ กับนายคิมจองอึน ในการประชุม ณ กรุงฮานอย (Photo AFP/ VNplus) 

มีเหตุผลต่างๆให้โลกเชื่อมั่นได้

ก่อนการประชุมสุดยอดครั้งนี้ มีหลายคนบอกว่า ยากที่จะคาดการณ์เกี่ยวกับก้าวกระโดดเพราะนี่เป็นปัญหาที่คั่งค้างอยู่ในหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยปัญหานิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีคือหัวข้อที่ทำให้ประธานาธิบดีสหรัฐถึง 4 สมัยต้องกังวลใจ ดังนั้นแม้การประชุมครั้งนี้จะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดๆ ก็ไม่ใช่เป็นก้าวถอยหลังแต่อย่างใด หากทำการวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้ว ผลที่ออกมายังเป็นการสร้างความหวังในอนาคต

หนึ่งคือ ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุเรื่องที่อยากจะบรรลุ นั่นคือผู้นำสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีให้คำมั่นกับประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่า จะไม่ทำการทดลองนิวเคลียร์และขีปนาวุธในอนาคตอีกถ้าหากทั้งสองฝ่ายยังคงเจรจากัน ส่วนประธานาธิบดีสหรัฐก็ให้คำมั่นว่า จะไม่เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อเปียงยางและจะยุติการซ้อมรบร่วมกับสาธารณรัฐเกาหลี โดยหลังการประชุมสุดยอดครั้งที่สองเป็นเวลาสองวัน เมื่อวันที่ 2 มีนาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้งสหรัฐและสาธารณรัฐเกาหลีก็ได้ประกาศว่า ได้มีการปรับปรุงโครงการซ้อมรบร่วมเพื่อลดความตึงเครียดและสนับสนุนความพยายามทางการทูตเพื่อบรรลุการปลอดนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นที่ชัดเจนแล้ว่า นี่คือก้าวเดินที่น่ายินดีเพราะการซ้อมรบระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐเกาหลีได้แต่สร้างความไม่พอใจให้แก่เปียงยางเพราะถือว่า นี่เป็นการเตรียมความพร้อมให้แก่การรุกรานประเทศ

นอกจากนี้ ก็มีอีกหนึ่งเรื่องที่ได้รับความสนใจจากประชามติคือ การประชุมครั้งนี้ได้เสร็จสิ้นลงในบรรยากาศที่เป็นมิตรและให้ความเคารพ­­ต่อกัน ซึ่งไม่ใช่การเจรจาที่ล้มเหลวที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้น  นั่นหมายความว่า การปลอดนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีเป็นปัญหาใหญ่ ที่ต้องการเวลามากขึ้นในการแก้ไข ในความเป็นจริง ในตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐทั้ง 4 สมัยก็ยังไม่สามารถดำเนินการเจรจาครั้งต่างๆได้สำเร็จ ดังนั้นจึงไม่ควรตั้งความคาดหวังมากเกินไปต่อก้าวกระโดดในการประชุมสุดยอดครั้งที่สองนี้ เพราะทั้งสองฝ่ายเพิ่งทำการเจรจาสุดยอดโดยตรงครั้งแรกเมื่อ 8 เดือนก่อน ณ ประเทศสิงคโปร์

เรื่องที่สร้างความหวังอีกเรื่องหนึ่งคือ หลังการประชุมสุดยอด ณ กรุงฮานอย ทั้งสองฝ่ายต่างยืนยันถึงโอกาสจัดการเจรจาครั้งต่อไปในอนาคต โดยผู้นำสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี คิมจองอึน ได้ประกาศว่าจะพบปะกับประธานาธิบดีสหรัฐอีก และยังชื่นชมความพยายามของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่พยายามมุ่งสู่ผลการเจรจาที่ดีและยืนยันว่า การสนทนาต่างๆในการประชุมสุดยอดครั้งนี้ล้วนเป็นการสนทนาที่ดี ส่วนประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ก็เผยว่า วอชิงตันยังมีความประสงค์จะสนทนากับเปียงยางต่อไป

ถ้าหากมีความเชื่อมั่น ผลจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ในการเจรจาทุกครั้ง การสร้างความไว้วางใจคือเรื่องที่สำคัญที่สุด ซึ่งมีความหมายชี้ขาดต่อความสำเร็จของทุกปัญหา ดังนั้น การที่ผู้นำทั้งสองประเทศตกลงจะพบปะกันอีกและมีความประสงค์จัดการเจรจาต่อไปเพื่อแก้ไขความชะงักงัน รวมทั้งได้ยืนยันถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีงามและให้ความเคารพต่อกัน ได้ถือเป็นพื้นฐานให้แก่การพบปะระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีในอนาคต แม้เส้นทางที่ต้องเดินต่อไปนั้นจะไม่ราบรื่นแต่ถ้าหากทั้งสองฝ่ายยังมีความไว้วางใจกันและมุ่งมั่นแก้ไขความขัดแย้งในเชิงบวก ก็มีความเป็นไปได้ที่สหรัฐและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีจะบรรลุข้อตกลงได้ในอนาคต.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด