บรูไนและสิงคโปร์เป็นสองประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังมีการพัฒนาอย่างคล่องตัว แม้มีความแตกต่างกันในขอบเขตการพัฒนาเศรษฐกิจแต่ทั้งสองประเทศนี้ต่างมีศักยภาพในการร่วมมือระยะยาวกับเวียดนาม ทั้งในระดับทวิภาคี ระดับภูมิภาคและโลก

ในกรอบการเยือนครั้งนี้ ประธานประเทศเจิ่นด่ายกวางได้เดินทางไปเยือนบรูไนเป็นประเทศแรกตามคำเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดี ฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ กษัตริย์แห่งบรูไน

ในสภาวการณ์ที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกำลังพัฒนาในระดับที่ดีงามที่สุดนับตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อ 24 ปีก่อน การเยือนครั้งนี้ของประธานประเทศเจิ่นด่ายกวางได้เป็นการยืนยันต่อไปเกี่ยวกับแนวทางที่เสมอต้นเสมอปลายของเวียดนามคือ ให้ความเคารพและร่วมมือกับบรูไนขยายความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้เข้าสู่ส่วนลึกมากขึ้นและเอื้อประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย ในกรอบการเยือนนี้ ประธานประเทศเจิ่นด่ายกวางและบรรดาผู้นำบรูไนได้หารือเกี่ยวกับมาตรการขยายความร่วมมือในหลายด้าน เช่น ส่งเสริมการเจรจาเพื่อเร่งลงนามข้อตกลงส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน บันทึกช่วยจำเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการเกษตรและสัตว์น้ำและบันทึกช่วยจำเกี่ยวกับความร่วมมือด้านแรงงาน ทั้งสองฝ่ายจะหารือและทาบทามความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาโลกที่ต่างให้ความสนใจในการสนับสนุนกันบนเวทีภูมิภาคและโลก โดยเฉพาะในอาเซียนเพื่อธำรงความสามัคคีและพัฒนาบทบาทเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในกระบวนการต่างๆของภูมิภาค

หลังการเยือนประเทศบรูไน ท่านเจิ่นด่ายกวางจะเดินทางไปเยือนประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่ 2 ในการเยือนต่างประเทศนับตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานประเทศเวียดนาม ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความเคารพและให้ความสำคัญต่อบทบาทของสิงคโปร์ในภูมิภาคและความสัมพันธ์ทวิภาคี

ในฐานะเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจคล่องตัวและพัฒนาในภูมิภาค สิงคโปร์เป็นหุ้นส่วนที่สำคัญ เป็นนักลงทุนรายใหญ่และเป็นหุ้นส่วนทางการค้าชั้นนำของเวียดนาม นับตั้งแต่ที่สถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เมื่อปี 2013 ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างเวียดนามกับสิงคโปร์นับวันพัฒนาอย่างเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นายเหงียนเตี๊ยนมิงห์ เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำสิงคโปร์แสดงความคิดเห็นว่า “ใน 3 ปีมานี้ เฉลี่ยแต่ละปี มูลค่าการค้าต่างตอบแทนได้เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 22 ส่วนใน 7 เดือนที่ผ่านมาได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.7 ในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจภูมิภาคและโลกเผชิญความลำบากแต่ความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับสิงคโปร์ก็ยังคงมีอีกมาก โดยการลงทุนในเวียดนามของสิงคโปร์อยู่อันดับที่ 3 รองจากญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลี และขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 2 ในฐานะประเทศลงทุนในเวียดนามมากที่สุด ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดการเพิ่มการลงทุนในเวียดนามของสิงคโปร์”

ในสภาวการณ์ที่สิงคโปร์เพิ่งเสร็จสิ้นการเลือกตั้งทั่วไปโดยมีครม.ชุดใหม่เริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ต้นปี 2016 พร้อมแผนการพัฒนาสิงคโปร์ในอีก 50 ปีข้างหน้า ส่วนเวียดนามก็เพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 12 พร้อมวางแนวทางให้เวียดนามพัฒนาอย่างรวดเร็วบนเส้นทางแห่งการผสมผสานและพัฒนา การเยือนครั้งนี้ได้เปิดโอกาสและเป็นพลังขับเคลื่อนใหม่เพื่อขยายความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างเวียดนามกับสิงคโปร์โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจในเวลาข้างหน้า เอกอัครราชทูตเหงียนเตี๊ยนมิงห์ให้ข้อสังเกตว่า ทั้งสองประเทศยังมีศักยภาพอีกมากในการร่วมมือทางเศรษฐกิจ “เศรษฐกิจเวียดนามและสิงคโปร์มีลักษณะที่สนับสนุนกัน และมีศักยภาพความร่วมมือในระดับสูง โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ในขณะที่ข้อตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอกำลังได้รับการลงนามและปฏิบัติอย่างเช่น เอฟทีเอภายในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจในทุกด้านในภูมิภาคหรืออาร์ซีอีพี ซึ่งมีขอบเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วย 16 ประเทศและในเร็วๆนี้จะมีข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือทีพีพี ซึ่งขอบเขตความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับสิงคโปร์จะขยายมากขึ้น โดยไม่เพียงแต่เป็นความร่วมมือทวิภาคีเท่านั้น หากยังเป็นความร่วมมือภายในอาเซียน เอเชีย – แปซิฟิก สหรัฐและบรรดาประเทศอเมริกาใต้อีกด้วย”

การเยือนประเทศบรูไนและสิงคโปร์ของประธานประเทศเจิ่นด่ายกวางมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งสาส์นเกี่ยวกับการพัฒนาและโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในเวียดนาม ซึ่งอำนวยความสะดวกให้เวียดนามกับบรูไนและสิงคโปร์วางมาตรการแก้ไขใหม่และรูปแบบความร่วมมือใหม่ในระดับที่สูงขึ้น นี่ยังเป็นโอกาสให้ประธานประเทศเจิ่นด่ายกวางกับผู้นำประเทศบรูไนและสิงค์โปร์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาที่ต่างให้ความสนใจคือการปกป้องสันติภาพ ความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาคเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและความเจริญรุ่งเรือง.