สร้างสถานะและพลังขับเคลื่อนใหม่ให้แก่การพัฒนาเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง

(VOVWORLD) - วันที่ 22 เมษายน ณ กรุงฮานอย กรมการเมืองพรรคและคณะเลขาธิการกลางพรรคได้จัดการประชุมทั่วประเทศเพื่อปฏิบัติมติที่ 13 เกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม การค้ำประกันงานด้านกลาโหมและความมั่นคงในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงจนถึงปี 2030 และวิสัยทัศน์จนถึงปี 2045 นี่เป็นการประชุมครั้งที่สองเกี่ยวกับการพัฒนาภูมิภาค ที่จัดโดยกรมการเมืองพรรคและคณะเลขาธิการกลางพรรคในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมความได้เปรียบของภูมิภาคให้ดีที่สุดเพื่อสร้างพื้นที่พัฒนาใหม่และสร้างพลังขับเคลื่อนสำหรับการพัฒนาของประเทศ
สร้างสถานะและพลังขับเคลื่อนใหม่ให้แก่การพัฒนาเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง - ảnh 1การประชุมทั่วประเทศเพื่อปฏิบัติมติที่ 13 เกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม การค้ำประกันกลาโหมและความมั่นคงในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงจนถึงปี 2030 และวิสัยทัศน์จนถึงปี 2045 

เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงเป็น 1 ใน 6 ภูมิภาคของเวียดนามในการแบ่งตามภูมิศาสตร์การเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม สังคม  กลาโหมและความมั่นคง ภูมิภาคนี้มี 13 จังหวัดและนครที่มีศักยภาพ ความได้เปรียบและความท้าทายเฉพาะ มีส่วนร่วมร้อยละ 12 ต่อจีดีพีของประเทศและเป็นเขตผลิตการเกษตรและสัตว์น้ำที่สำคัญ

พัฒนาระบบนิเวศที่มีอารยธรรมและยั่งยืน

มติที่ 13 ของกรมการเมืองพรรคสมัยที่ 13 ระบุว่า จนถึงปี 2030 เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงจะกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นแหล่งผลิตสินค้าใหญ่ที่มีคุณภาพสูงระดับโลก และจนถึงปี 2045 จะกลายเป็นเขตพัฒนาที่ทันสมัยเชิงนิเวศ มีอารยธรรมและเต็มไปด้วยเอกลักษณ์วัฒนธรรมแห่งสายน้ำ ซึ่งเพื่อให้เป้าหมายนี้กลายเป็นความจริง มติได้ย้ำถึงความเชื่อมโยงในระดับภูมิภาคและส่งเสริมจุดแข็งเฉพาะของแต่ละท้องถิ่น เช่น จังหวัดอานยางและด่งทาบเป็นศูนย์กลางของเขตวัตถุดิบทางการเกษตรและสัตว์น้ำจืด จังหวัดเกียนยาง ก่าเมาและซอกจังมีชื่อเสียงด้านประมงชายฝั่ง ส่วนจังหวัดเตี่ยนยางและเบ๊นแจเน้นปลูกผักและผลไม้ เกิ่นเทอเป็นศูนย์กลางด้านบริการโลจิสติกส์ นาย เจิ่นต๊วนแอง หัวหน้าคณะกรรมการเศรษฐกิจส่วนกลาง กล่าวว่า

“กรมการเมืองพรรคได้กำหนดแนวทาง หน้าที่และมาตรการแก้ไขใหม่เชิงก้าวกระโดดให้แก่การพัฒนาของภูมิภาคในเวลาที่จะถึง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเนื้อหาพัฒนาเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงให้กลายเป็นเขตพัฒนาระบบนิเวศที่มีอารยธรรมและยั่งยืน ถือประชาชนเป็นศูนย์กลางและทรัพยากรน้ำเป็นปัจจัยหลัก ให้ความเคารพธรรมชาติโดยปรับตัวให้สอดคล้องกับเงื่อนไข เอกลักษณ์ของเขตและพัฒนารูปแบบการขยายตัวตามแนวทางอาศัยการใช้แหล่งพลังหลักอย่างมีประสิทธิภาพ ปรับปรุงโครงสร้างเขตเศรษฐกิจตามแนวทางเศรษฐกิจแห่งสีเขียว เศรษฐกิจหมุนเวียน การเกษตรเชิงนิเวศเป็นหลัก อุตสาหกรรมพลังงานเป็นก้าวกระโดดและการบริการเป็นพื้นฐาน”

มติที่ 13 กรมการเมืองพรรคได้ระบุชัดถึงสาเหตุต่างๆที่ทำให้การพัฒนาของภูมิภาคนี้ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ในเวลาที่ผ่านมา ซึ่งก็มีหลายปัจจัย เช่น ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ  ปัญหาการรุกล้ำของความเค็มที่ทำให้กระแสน้ำของแม่น้ำโขงมีการเปลี่ยนแปลง และแนวคิดการเชื่อมโยงระดับภูมิภาคและกลไกการเชื่อมโยงระดับเขตยังไม่มีประสิทธิภาพ เป็นต้น จากความต้องการพัฒนาของประเทศและเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง มติใหม่ของกรมการเมืองพรรคเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม การค้ำประกันความมั่นคงเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงจนถึงปี 2030 และวิสัยทัศน์จนถึงปี 2045 เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง และมีความหมายสำคัญเพื่อสร้างการพัฒนาที่รวดเร็วและยั่งยืนให้แก่เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงในเวลาที่จะถึง

สร้างสถานะและพลังขับเคลื่อนใหม่ให้แก่การพัฒนาเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง - ảnh 2นาย เจิ่นต๊วนแอง หัวหน้าคณะกรรมการเศรษฐกิจส่วนกลาง

เชื่อมั่นต่อการพัฒนาของเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง

บนพื้นฐานของวิสัยทัศน์ในระยะยาวของมติที่ 13 ท้องถิ่นต่างๆ ในภูมิภาค ตลอดจน กระทรวงและหน่วยงานต่างๆ จะกำหนดมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อนำเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงมีการพัฒนาด้านเศรษฐกิจมากขึ้น ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ สร้างสรรค์ระบบการเมืองที่เข้มแข็งให้ทัดเทียมกับสถานะที่สำคัญของเขต นาย เลกวางแหม่ง เลขาธิการพรรคสาขานครเกิ่นเทอแสดงความเห็นว่า

“การที่กรมการเมืองพรรคประกาศใช้มติที่ 13 มีความสำคัญมาก เพราะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่ที่ยิ่งใหญ่ให้แก่ทางการพัฒนาของเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง ภูมิภาคมีการวางผังแบบบูรณาการ มียุทธศาสตร์ร่วมเพื่อส่งเสริมศักยภาพของอนุภูมิภาคและแต่ละท้องที่อย่างเต็มที่”

นาย เจิ่นหงอกตาม ประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดเบ๊นแจ เผยว่า การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อตอบสนองความปรารถนาของประชาชน และเป็นแรงผลักดันเพื่อส่งเสริมการพัฒนา นาย เจิ่นหงอกเติม กล่าวว่า

“การลงทุนพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งที่สำคัญของภูมิภาคเป็นสิ่งที่ถูกต้องเพื่อสนับสนุนการพัฒนาของทั้งภูมิภาค ด้วยการเชื่อมโยงของระบบคมนาคม จังหวัดเบ๊นแจและจังหวัดชายฝั่งตะวันออกจะได้รับประโยชน์ โดยเฉพาะ จากการพัฒนาทางหลวงหมายเลข 60 และหมายเลข 1 ตลอดจนทางหลวงอื่นๆ เบ๊นแจจะมีโอกาสดึงดูดนักลงทุนเป็นจำนวนมากในอนาคต”

นาย เงวียนมซวนแถ่ง เลขาธิการพรรคสาขาจังหวัดโห่วยาง กล่าวว่า

“มติที่ 13 ได้ระบุว่า การบริการพัฒนาโลจิกติสในโห่วยางมีความผูกพันกับศูนย์กลางในนครเกิ่นเทอ นี่เป็นแนวทางและพื้นฐานที่สำคัญเพื่อให้จังหวัดโห่วยางเน้นปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการพัฒนาบริการโลจิกติสให้สมบูรณ์ในระยะใหม่ จังหวัดโห่วยางจะเน้นส่งเสริมความเชื่อมโยงในเขตและระดับภูมิภาค สร้างพื้นที่เพื่อพัฒนาบริการโลจิกติสไม่เพียงแต่สำหรับจังหวัดโห่วยางเท่านั้น หากยังสำหรับทั้งภูมิภาคอีกด้วย”

เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงมีบทบาทและสถานะที่สำคัญเป็นพิเศษในการพัฒนาประเทศ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นเสาหลักในการค้ำประกันความปลอดภัยและความมั่นคงด้านอาหารและการส่งออกสินค้าเกษตรเท่านั้น หากยังเป็นแรงผลักดันเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย ดังนั้น แนวทางหลักในมติที่ 13 ของกรมการเมืองพรรคจะสร้างแรงผลักดันเชิงก้าวกระโดดเพื่อนำเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงกลายเป็นเขตพัฒนาที่ทันสมัยเชิงนิเวศ มีอารยธรรมและยั่งยืนที่มีความหมายสำคัญต่อการพัฒนาของท้องถิ่นต่างๆในภูมิภาคและทั่วประเทศ.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด