สร้างสรรค์แถวขบวนผู้บริหารระดับสูงที่มีความกระตือรือร้น ความมุ่งมั่นทุ่มเทและเข้าใจประชาชน

(VOVWORLD) - เนื้อหาสำคัญพิเศษของการประชุมครั้งที่ 2 คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 13 ในระหว่างวันที่ 8-9 มีนาคมคือการเสนอบุคลากรที่สมัครรับเลือกเป็นประธานประเทศ นายกรัฐมนตรีและประธานสภาแห่งชาติ ซึ่งเป็นตำแหน่งผู้บริหารที่สำคัญของรัฐ โดยเจ้าหน้าที่สมาชิกพรรคและประชาชนได้ตั้งความหวังว่า แถวขบวนผู้บริหารที่ได้รับเลือกนั้นจะเป็นผู้ที่มีความกระตือรือร้น มีความมุ่งมั่น ทุ่มเทในการทำงาน เข้าใจความปรารถนาของประชาชนอย่างถ่องแท้และมีความคาดหวังอันแรงกล้าในการพัฒนาประเทศเวียดนามที่แข็งแกร่งและรุ่งเรือง
สร้างสรรค์แถวขบวนผู้บริหารระดับสูงที่มีความกระตือรือร้น ความมุ่งมั่นทุ่มเทและเข้าใจประชาชน - ảnh 1นาย ฝ่ามเท้เหวียด อดีตสมาชิกกรมการเมืองพรรคและอดีตประธานแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนาม (dantri.com.vn)

จากการติดตามการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคครั้งที่ 2 นาย ฝ่ามเท้เหวียด อดีตสมาชิกกรมการเมืองพรรคและอดีตประธานแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนามได้ประเมินว่า ในการประชุมนี้ ทางคณะกรรมการกลางพรรคได้มีความเห็นพ้องในระดับสูงต่อการเสนอบุคลากรที่สมัครรับเลือกดำรงตำแหน่งประธานประเทศ นายกรัฐมนตรีและประธานสภาแห่งชาติ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงในวาระนี้ ส่วนหน้าที่ที่สำคัญอันดับแรกของผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บริหารสูงสุดของรัฐคือต้องสร้างสรรค์คณะเจ้าหน้าที่บริหารที่มีความสามัคคี บริสุทธิ์ เข้มแข็ง มีความเป็นเอกฉันท์ทั้งในแนวความคิดและการปฏิบัติ โดยเฉพาะต้องมีความผูกพันอย่างใกล้ชิดกับประชาชน นาย ฝ่ามเท้เหวียด อดีตสมาชิกกรมการเมืองพรรคและอดีตประธานแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนามกล่าวว่า “ประชาชนตั้งความหวังต่อบรรดาผู้นำพรรค รัฐและสภาแห่งชาติเป็นอย่างมาก ผมคิดว่า บรรดาผู้นำประเทศต้องมีความเข้าใจความปรารถนาของประชาชนอย่างถ่องแท้ เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเพรียบพร้อม ได้รับความนับถือและมีความผูกพันใกล้ชิดกับประชาชน ซึ่งควรเตรียมพร้อมงานด้านบุคลากรอย่างรอบคอบทั้งในวาระนี้และวาระต่อไป” 

การประชุมคณะกรรมการกลางพรรคครั้งที่ 2 สมัยที่ 13 คือขั้นตอนที่สำคัญในกระบวนการปรับคณะผู้บริหารหลังความสำเร็จของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 13 โดยการที่กรมการเมืองพรรคได้อนุมัติการเสนอชื่อบุคลกรที่รับตำแหน่งประธานประเทศ นายกรัฐมนตรีและประธานสภาแห่งชาติได้แสดงให้เห็นถึงกระบวนการประชาธิปไตยและมีภาวะวิสัยเพื่อยื่นเสนอต่อการประชุมครั้งที่ 11 สภาแห่งชาติสมัยที่ 14 พิจารณา เลือก หรือ อนุมัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย นาย เหงวียนแหมงทั้ง สมาชิกพรรคในเขตหว่างมาย กรุงฮานอยได้เผยว่า “นี่คือกระบวนการแห่งประชาธิปไตยและมีภาวะวิสัยในการเตรียมบุคลากรอย่างรอบคอบ โดยหลังการประชุมครั้งที่ 11 สภาแห่งชาติสมัยที่ 14 ในเดือนพฤษภาคม จะมีการจัดการเลือกตั้งผู้แทนสภาแห่งชาติและผู้แทนสภาประชาชน ต่อมาในเดือนกรกฎาคม จะทำการเลือกตั้งตำแหน่งที่สำคัญของสภาแห่งชาติและรัฐบาล ซึ่งสมาชิกรัฐบาลคนใหม่ที่ได้รับเลือกในการประชุมครั้งที่ 11 สภาแห่งชาติสมัยที่ 14 จะมีช่วงเวลาทดสอบภายใน 4 เดือนเพื่อให้ผู้แทนสภาแห่งชาติติดตามการทำงานและพิจารณาเลือกสมาชิกรัฐบาลชุดใหม่ในเดือนกรกฎาคมนี้”

ส่วนบรรดาเจ้าหน้าที่สมาชิกพรรคและประชาชนได้ให้ข้อสังเกตว่า ประเทศได้รับเอกราชและรวมเป็นเอกภาพแล้ว 45 ปี ซึ่งก็มีเจ้าหน้าที่บริหารรุ่นใหม่ที่ได้รับการศึกษาอย่างเป็นแบบแผน มีทักษะความสามารถ มีวุฒิการศึกษาด้านทฤษฎี วิชาชีพ ภาษาต่างประเทศและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อตอบสนองความต้องการพัมนาประเทศในยุคใหม่ โดยแถวขบวนเจ้าหน้าที่บริหารในวาระนี้ล้วนเป็นผู้ที่มีความทุ่มเท ความกระตือรือร้นและมีความคาดหวังอันแรงกล้าในการนำประเทศพัฒนาก้าวรุดหน้าอย่างเข้มแข็ง โดยไม่เพียงแต่ปฏิบัติแผนการพัฒนาประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้าเท่านั้น หากยังมุ่งสู่การรำลึกครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามและครบรอบ 100ปีการก่อตั้งประเทศผ่านยุทธศาสตร์แบบก้าวกระโดดของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 13 และความปรารถนาของประชาชนอีกด้วย

“การประชุมคณะกรรมการกลางพรรคได้ปฏิบัติกระบวนการคัดเลือกอย่างมีประชาธิปไตยและมีภาวะวิสัยเพื่อเลือกผู้ที่ดำรงตำแหน่งที่สำคัญของรัฐ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหวังของทั้งประชาชน พรรคและสังคมต่อบรรดาผู้บริหารเหล่านี้ หวังว่า ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นผู้นำของรัฐจะตั้งใจอุทิศตนต่อไปเพื่อสานต่อผลสำเร็จของพรรคและการปฏิวัติในเวลาที่ผ่านมาและที่สำคัญคือต้องยืนหยัดการถือประชาชนเป็นรากฐานและพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อรับใช้ประชาชน รับใช้ชาติและภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศ”

“ผมมีความเชื่อมั่นว่า คณะกรรมการกลางพรรคเป็นคณะเจ้าหน้าที่บริหารที่มีคุณสมบัตรเพรียบพร้อมเพื่อชี้นำภารกิจการพัฒนาประเทศ โดยบรรดาสมาชิกกรมการเมืองพรรคและคณะเลขาธิการพรรคสมัยที่ 13 คือบุคคลที่ยอดเยี่ยม ดังนั้น เรามั่นใจว่า คณะผู้นำในวาระที่ 13 นี้จะนำประเทศพัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ดั่งคำกล่าวของท่านเลขาธิการใหญ่พรรคเหงวียนฟู้จ่องว่า “ประเทศของเราไม่เคยมีพลัง ศักยภาพ มีสถานะ และชื่อเสียงที่เข้มแข็งเหมือนปัจจุบัน” ซึ่งได้รับการชื่นชมจากประชามติทั้งภายในและต่างประเทศ”

ประชาชนทั่วประเทศได้แสดงความหวังว่า บรรดาผู้นำพรรค รัฐและสภาแห่งชาติจะต้องเป็นตัวอย่างในด้านความมุ่งมั่นทางการเมือง มีคุณสมบัติเพรียบพร้อม โดยเฉพาะต้องยึดหลักแห่งคุณธรรมในการชี้นำประเทศในระยะแห่งการพัฒนาใหม่.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด