ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับสหภาพยุโรปนำผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงและการเมืองที่สำคัญมาสู่ทั้งสองฝ่าย ซึ่งถือเป็นความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่ามากถึง 1 ใน 3 ของจีดีพีโลก คิดเป็นครึ่งหนึ่งของการอุปโภคบริโภคของคนทั่วโลกและสร้างงาน 16 ล้านตำแหน่งในทั้งสองฝั่งแอตแลนติก  สำหรับความมั่นคงและการเมือง บทบาทความเป็นผู้นำของสหรัฐในองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโต้ช่วยค้ำประกันความมั่นคงของสหภาพยุโรปและส่งเสริมพันธมิตรยุโรปเพื่อประชาธิปไตยและความเจริญรุ่งเรือง ส่วนสำหรับสหภาพยุโรปยังมีบทบาทที่สำคัญในการเสริมสร้างและสนับสนุนผลประโยชน์ด้านการเมืองและความมั่นคงของสหรัฐ แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายจะตกต่ำที่เป็นอย่างมากในสมัยของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัล ทรัมป์  ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐปี 2017 ยังคงระบุว่า สหรัฐจะปลอดภัยยิ่งขึ้นเมื่อยุโรปรุ่งเรืองมั่งคั่งและมีเสถียรภาพ และสามารถช่วยเหลือสหรัฐในการปกป้องปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆและคุณค่าต่างๆ

การขยายและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุน

จุดเด่นในการเยือนสหรัฐของกรรมการด้านการค้าของสหภาพยุโรป วาลดิส ดอมบรอฟสกี้ คือการประชุมสภาการค้าและเทคโนโลยีอียู-สหรัฐหรือ TTC ครั้งแรกที่จัดขึ้น ณ เมืองพิตต์สเบิร์ก ประเทศสหรัฐในระหว่างวันที่ 29 - 30 กันยายน การจัดตั้งสภาฯเพื่อหารือเกี่ยวกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่สำคัญที่พันธมิตรข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกนี้กำลังต้องเผชิญ โดยจะเน้นถึงเทคโนโลยีและการค้าเพื่อสนับสนุนการพัฒนาความคิดริเริ่มใหม่ กำหนดมาตรฐานการค้าโลกใหม่และส่งเสริมคุณค่าบนอินเตอร์เน็ต นอกจากนี้ กลไกนี้จะให้คำปรึกษาเพื่อแก้ไขข้อพิพาททางการค้า ปรับปรุงกระบวนการทางกฎหมายและพัฒนากฎเกณฑ์ทั่วไปสำหรับบริษัทเทคโนโลยีที่เพิ่งเกิดใหม่ในทั้งสองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก หนึ่งในเนื้อหาที่ถูกกล่าวถึงในการประชุมครั้งแรกคือมาตรการเพื่อปกป้องการปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานชิปเซมิคอนดักเตอร์ การพัฒนาและการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อส่งเสริมมาตรการปกป้องสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชน

ทั้งสองฝ่ายยังกำหนดเป้าหมายร่วมกันคือแสวงหาพลังขับเคลื่อนใหม่เพื่อจัดทำกลไกเพื่อส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนในระดับทวิภาคีให้มีความลึกซึ้งมากขึ้น นอกจากนั้น สหรัฐและสหภาพยุโรปจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดในการปรับปรุงข้อกำหนดและมาตรฐานสากลเพื่อค้ำประกันความสม่ำเสมอเพื่อให้นโยบายการค้าและเทคโนโลยีสามารถสนับสนุนการเติบโตในวงกว้างให้แก่ทั้งสองฝ่ายในศตวรรษที่ 21

นา วาลดิส ดอมบรอฟสกี้ กรรมการด้านการค้าของสหภาพยุโรปกล่าวว่า TTC เป็น "การพิสูจน์ให้เห็นถึงความปรารถนาดีของสหภาพยุโรปในการกระชับความสัมพันธ์กับสหรัฐ"

กรรมาธิการด้้านการค้าของสหภาพยุโรป Valdis Dombrovskis (ขวา) พูดคุยกับผู้แทนการค้าของสหรัฐ Katherine Tai และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า Gina Raimondo (AFP)

แก้ไขความชะงักงันเกี่ยวกับภาษี

ในกรอบการเยือนสหรัฐครั้งนี้ของนาย วาลดิส ดอมบรอฟสกี้ กรรมการด้านการค้าของสหภาพยุโรป ทั้งสองฝ่ายได้แก้ไขข้อขัดแย้งเกี่ยวกับภาษีศุลกากร เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2018 ทางการของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เก็บภาษีเพิ่มเติมร้อยละ 25 ต่อเหล็กและร้อยละ 10 ต่ออลูมิเนียมจากบางภูมิภาค  รวมถึงสหภาพยุโรปโดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของประเทศ ซึ่งฝ่ายยุโรปได้ตอบโต้อย่างรวดเร็วด้วยการเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าสหรัฐที่ส่งออกมายังสหภาพยุโรป เช่น รถจักรยานยนต์ฮาร์เลย์-เดวิดสัน กางเกงยีนส์ลีวายส์ ยาสูบบุหรี่ ข้าวโพด ข้าวและน้ำส้ม

ถึงขณะนี้ ทั้งสหรัฐและสหภาพยุโรปต่างมีความปรารถนาที่จะบรรลุข้อตกลงเพื่อแก้ไขข้อพิพททางการค้าเกี่ยวกับเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมก่อนวันที่ 1 ธันวาคมปี 2021 ในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐและสหภาพยุโรปตกลงที่จะพยายามเสร็จสิ้นการเจรจาเพื่อเพื่อมุ่งสู่การลงนามข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 28 กันยายน นาย วาลดิส ดอมบรอฟสกี้ กรรมการด้านการค้าของสหภาพยุโรปได้เผยว่า การหารือเพื่อแก้ไขข้อพิพาททางการค้าเกี่ยวกับเหล็กและอลูมิเนียมระหว่างสหรัฐกับสหภาพยุโรปกำลัง "มีความคืบหน้า" และอาจบรรลุข้อตกลงในต้นเดือนพฤศจิกายน ในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในระหว่างเยือนสหรัฐ นาย วาลดิส ดอมบรอฟสกี้ ย้ำว่า "ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีที่จะร่วมมือเพื่อหาทางแก้ไข" ทั้งสหรัฐและอียูกำลังพยายามเพื่อแก้ไขความขัดแย้งเนื่องจาก "สงคราม" ด้านภาษีระหว่างสหรัฐกับสหภาพยุโรปในตลอด 3 ปีที่ผ่านมาได้สร้างความเสียหายให้แก่ทั้งสองฝ่าย

นับตั้งแต่ขึ้นบริหารประเทศ ทางการของประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน ได้มีท่าทีต่างๆเพื่อแปรแนวทางการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับพันธมิตรข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกให้กลายเป็นความจริง ผลการเยือนสหรัฐในระหว่างวันที่ 26 กันยายนถึงวันที่ 1 ตุลาคมของคณะกรรมการด้านการค้าของสหภาพยุโรป วาลดิส ดอมบรอฟสกี้ เป็นสัญญาณในเชิงบวกที่บ่งบอกว่า สหรัฐและสหภาพยุโรปมีความพร้อมและจริงจังสำหรับการประสานงานอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทวิภาคี.