สหรัฐฟื้นฟูการปฏิบัติส่วนหนึ่งของกฤษฏีกาจำกัดการเข้าเมือง

(VOVWORLD) -วันที่29มิถุนายน คำวินิจฉัยของศาลสูงสุดสหรัฐเกี่ยวกับการฟื้นฟูการปฏิบัติส่วนหนึ่งของกฤษฏีกาจำกัดการเข้าเมืองสหรัฐต่อพลเมืองของ6ประเทศมุสลิมของทางการประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์เริ่มมีผลบังคับใช้  นี่เป็นครั้งแรกที่ศาลสูงสุดสหรัฐออกคำวินิจฉัยต่อกฤษฎีกาดังกล่าว ซึ่งเคยถูกคัดค้านจากศาลอุทธรณ์รัฐบาลกลาง  การตัดสินใจดังกล่าวของศาลสูงสุดสหรัฐถือเป็นผลสำเร็จในเบื้องต้นของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์แต่การตัดสินใจดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อศาลสูงสุดสหรัฐพิจารณากฤษฎีกาดังกล่าวอีกครั้งในเดือนตุลาคมนี้

สหรัฐฟื้นฟูการปฏิบัติส่วนหนึ่งของกฤษฏีกาจำกัดการเข้าเมือง - ảnh 1ศาลสูงสุดสหรัฐในกรุงวอชิงตัน

กฤษฏีกาจำกัดการเข้าเมืองสหรัฐได้รับการลงนามเมื่อวันที่6มีนาคมที่ผ่านมา โดยห้ามพลเมืองจาก6ประเทศมุสลิม ประกอบด้วย อิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน ซีเรียและเยเมนเดินทางเข้าสหรัฐเป็นเวลา90วันและระงับการเข้าสหรัฐของผู้ลี้ภัยเป็นเวลา120วัน ซึ่งกฤษฎีกาดังกล่าวได้รับการประเมินว่า มีการผ่อนปรนกว่ากฤษฎีกาฉบับเก่าที่ได้รับการประกาศเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา  แต่อย่างไรก็ดี บรรดาเจ้าหน้าที่ตุลาการได้เห็นว่า แม้กฤษฎีกาดังกล่าวได้รับการปรับปรุงแต่นี่ยังเป็นความท้าทายต่อรัฐธรรมนูญเนื่องจากมีการเลือกปฏิบัติต่อชาวมุสลิม

ตามคำวินิจฉัยดังกล่าวของศาลสูงสุดสหรัฐ สหรัฐจะยังคงอนุญาตให้ผู้ที่มีความสัมพันธ์ที่ชอบด้วยกฎหมายกับบุคคลและองค์การต่างๆของสหรัฐเข้าสหรัฐ เช่น ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ศึกษาต่อในสหรัฐ   แรงงานที่ลงนามสัญญาจ้างงานและญาติมิตรของผู้ที่กำลังอยู่อาศัยในสหรัฐ

ท่าทีต่างๆของประชามติ

  หลังจากที่ศาลสูงสุดออกคำวินิจฉัยดังกล่าว ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงความยินดีต่อการตัดสินใจดังกล่าว  โดยย้ำว่า การตัดสินใจดังกล่าวของศาลสูงสุดถือเป็นเครื่องมือเพื่อให้ตัวเขาสามารถปกป้องประเทศสหรัฐอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้พิพากษา3คนที่มีทัศนะขวาจัดในจำนวนผู้พิพากษา9คนได้เห็นว่า กฤษฎีกาดังกล่าวต้องได้รับการปฏิบัติอย่างสมบูรณ์และผลประโยชน์ของประเทศต้องมาก่อน  ส่วนบรรดาส.ส.สหรัฐที่คัดค้านกฤษฎีกาดังกล่าวได้แสดงความผิดหวังเมื่อเห็นว่า คำวิจฉัยดังกล่าวของศาลฯจะทำลายพื้นฐานของประชาธิปไตยในสหรัฐ  ในขณะที่บรรดาทนายความสหรัฐเห็นว่า คำวินิจฉัยดังกล่าวของศาลเป็นการแสดงให้เห็นถึงจุดยืนที่สมดุลย์ระหว่างความมั่นคงของประเทศกับสิทธิมนุษยชน

ประเทศต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากกฤษฏีกาดังกล่าวของทางการประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงท่าที  โดยเยเมนได้แสดงความผิดหวังต่อการตัดสินใจของศาลสูงสุดสหรัฐ  นาย Ahmed al Nasi เจ้าหน้าที่กระทรวงที่ดูแลปัญหาของผู้ลี้ภัยในต่างประเทศของเยเมนได้เผยว่า การตัดสินใจดังกล่าวจะไม่เป็นประโยชน์ต่อการต่อต้านการก่อการร้ายและลัทธิ หัวรุนแรง  ซึ่งจะทำให้ประเทศอิสลามเห็นว่า พวกเขากำลังกลายเป็นเป้าหมาย

ในขณะเดียวกัน เพื่อเตรียมรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากคำวินิจฉัยดังกล่าวของศาลสูงสุด กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐได้เผยว่า จะหารือกับกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงการต่างประเทศในการปฏิบัติกฤษฎีกาดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะประกาศให้นักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบได้รับทราบและร่วมมือกับหุ้นส่วนการท่องเที่ยวต่างๆ

สหรัฐฟื้นฟูการปฏิบัติส่วนหนึ่งของกฤษฏีกาจำกัดการเข้าเมือง - ảnh 2บรรดาผู้พิพากษาของศาลสูงสุดสหรัฐ 

นี่ไม่ใช่คำวินิจฉัยสุดท้าย

  จนถึงขณะนี้ คำวินิจฉัยของศาลสูงสุดสหรัฐถือเป็นชัยชนะของประธานิบดี โดนัลด์ ทรัมป์แต่มิใช่เป็นชัยชนะที่สมบูรณ์เพราะบรรดาผู้พิพากษาได้กำหนดกรณีที่ห้ามเข้าเมืองสหรัฐ  ตั้งแต่บัดนี้จนถึงเดือนตุลาคม  ทางการสหรัฐจะมีเวลาเพิ่มเติมเพื่อชี้แจงต่อศาลสูงสุดสหรัฐในวาระต่อไปหลังจากที่คณะผู้พิพากษาพิจารณาอำนาจของประธาธิบดีสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับปัญหาผู้อพยพ  นี่เป็นหน้าที่ที่ปฏิบัติได้ไม่ง่ายนักสำหรับทางการประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์เพราะประชามติได้มีท่าทีที่แข็งกร้าวหลังจากที่กฤษฎีกาดังกล่าวได้รับการลงนาม   ก่อนหน้านั้น ศาลอุทธรณ์รัฐบาลกลางได้มีคำวินิจฉัย2ครั้งเนื่องจากเห็นว่า กฤษฎีกาดังกล่าวมีเนื้อหาที่เลือกปฏิบัติต่อชาวมุสลิม

คำวินิจฉัยดังกล่าวของศาลสูงสุดสหรัฐเป็นผลสำเร็จในเบื้องต้นของนโยบายการจำกัดผู้อพยพของทางการประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แต่อย่างไรก็ดี กฤษฎีกาดังกล่าวจะได้รับการพิจารณาอีกครั้งในเดือนตุลาคมนี้และยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า กฤษฎีกาดังกล่าวจะได้รับการปฏิบัติต่อไปหรือไม่   แต่ในทางเป็นจริง  ความขัดแย้งเกี่ยวกับปัญหานี้ยังคงเกิดขึ้นเนื่องจากกฤษฎีกาดังกล่าวเป็นเครื่องมือเพื่อปกป้องความมั่นคงของสหรัฐแต่ในทางกลับกันก็เป็นความท้าทายต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐและสิ่งนี้ก็แสดงห้เห็นถึงความขัดแย้งภายในสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับปัญหาความมั่นคงของประเทศ ปัญหาด้านศาสนา สิทธิและผลประโยชน์ของผู้อพยพ ซึ่งล้วนเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการพิจารณาก่อนที่จะมีการตัดสินใจสำหรับทุกนโยบาย.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด