สหรัฐ-แอฟริกาผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจ

(VOVworld)-การประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐและแอฟริกากำลังมีขึ้น ณ กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ ซึ่งนับเป็นการพบปะที่ไม่เคยมีมาก่อนระหว่างผู้นำสูงสุดของสหรัฐกับผู้นำประเทศต่างๆในทวีปแอฟริกาเกือบ50คนและนี่ก็เป็นโอกาสเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายผลักดันความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจตลอดจนการปรากฎตัวของสหรัฐในภูมิภาคนี้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ เพราะทวีปนี้ถือเป็นจุดหมายที่บรรดาประเทศใหญ่ต่างๆเช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดียและสหภาพยุโรปกำลังมุ่งขยายความสัมพันธ์


(VOVworld)-การประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐและแอฟริกากำลังมีขึ้น ณ กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ ซึ่งนับเป็นการพบปะที่ไม่เคยมีมาก่อนระหว่างผู้นำสูงสุดของสหรัฐกับผู้นำประเทศต่างๆในทวีปแอฟริกาเกือบ50คนและนี่ก็เป็นโอกาสเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายผลักดันความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจตลอดจนการปรากฎตัวของสหรัฐในภูมิภาคนี้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ เพราะทวีปนี้ถือเป็นจุดหมายที่บรรดาประเทศใหญ่ต่างๆเช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดียและสหภาพยุโรปกำลังมุ่งขยายความสัมพันธ์

สหรัฐ-แอฟริกาผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจ - ảnh 1

การประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐและเเอฟริกาที่มีขึ้นระหว่างวันที่4-6สิงหาคมนี้จะหารือในปัญหาเด่นๆของทวีปแอฟริกาปัจจุบันเช่น การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาในแอฟริกาตะวันตก เหตุลักพาตัวและสังหารคนขององค์การอิสลามหัวรุนแรงที่ประเทศไนจีเรีย สงครามกลางเมืองในซูดานใต้ โซมาเลียและเคนย่า ตลอดจนปัญหาความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐกับประเทศต่างๆในแอฟริกา

ก่อนเปิดประชุม นายบารักโอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐได้ยืนยันว่า แอฟริกาเป็นทวีปที่มีเศรษฐกิจที่พัฒนารวดเร็วที่สุดในโลกและมีชนชั้นกลางที่นับวันเพิ่มมากขึ้นซึ่งถือเป็นสิ่งที่มีความหมายสำคัญต่อสหรัฐและการขยายความสัมพันธ์กับทวีปนี้เป็นหนึ่งในผลประโยชน์แห่งชาติที่สหรัฐให้ความสนใจ

ผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจคือเป้าหมายหลัก

ถึงแม้ที่ประชุมดังกล่าวจะเน้นความสนใจต่อปัญหาร้อนๆของแอฟริกาแต่เป้าหมายสำคัญที่ทุกฝ่ายต่างมุ่งถึงก็คือความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ซึ่งในบทปราศรัยเปิดประชุม นายจอนห์แคร์รี่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้ยืนยันว่า การพบปะครั้งใหญ่ที่สุดนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของสหรัฐและแอฟริกาที่จะพยายามกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนและแสวงหาโอกาสแห่งสันติภาพ ความมั่นคงและการพัฒนาเศรษฐกิจ  นายแคร์รีได้เรียกร้องให้ผู้นำชาติแอฟริกาพัฒนาเศรษฐกิจเชิงตลาดอย่างเสรี สร้างบรรยากาศการแข่งขันที่เสมอภาคให้แก่บริษัทต่างชาติรวมทั้งบริษัทของสหรัฐในแอฟริกา  ซึ่งคำเรียกร้องดังกล่าวได้อาศัยความจริงที่ว่าสหรัฐถูกจีนแซงหน้าเพื่อครองสถานะการเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ที่สุดของแอฟริกาเมื่อ5ปีก่อนและปัจจุบันสหรัฐกลายเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่อันดับสามรองจากจีนและสหภาพยุโรป  ซึ่งสามารถเห็นได้จากตัวเลขมูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างสหรัฐกับแอฟริกาในปี2013อยู่ที่6หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในขณะที่ของอียูและจีนอยู่ที่กว่า2แสนล้านดอลลาร์สหรัฐและ1แสน7หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ นอกจากนั้นการที่สหรัฐต้องการกระชับความร่วมมือกับทวีปแอฟริกาก็เพราะอัตราการขยายตัวของทวีปนี้รวดเร็วกว่าทวีปเอเชีย ซึ่งตามการวิเคราะห์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศนั้น 6ใน10เศรษฐกิจที่มีการขยายตัวรวดเร็วที่สุดในโลกนั้นเป็นประเทศในทวีปแอฟริกา

ดังนั้นเพื่อแปรแนวทางความร่วมมือกับแอฟริกา ในที่ประชุมครั้งนี้สหรัฐจะประกาศวงเงินอุปถัมภ์หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่โครงการด้านธัญญาหารและอาหารรวมทั้งการพัฒนาไฟฟ้าของแอฟริกา ตลอดจนจะเสนอข้อคิดริริ่มใหม่ที่มุ่งขยายโครงสร้างพื้นฐานการค้าในเขตชายแดน เพิ่มทุนการศึกษาที่ประธานาธิบดีโอบามาได้ให้ไว้สำหรับผู้นำรุ่นใหม่ของแอฟริกาเป็นสองเท่า นอกจากนั้นก่อนจัดประชุมเป็นเวลา1สัปดาห์ทางการของนายโอบามาก็ได้เร่งรัดให้รัฐสภาขยายผลบังคับใช้กฎหมายโอกาสการขยายตัวแห่งแอฟริกาก่อนที่กฎหมายนี้จะหมดอายุในเดือนกันยายนปี2015เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่รัฐบาลและผู้ประกอบการสหรัฐผลักดันความร่วมมือทางการค้ากับแอฟริกา

สหรัฐ-แอฟริกาผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจ - ảnh 2
นายโอบามาประธานาธิบดีสหรัฐเป็นประธานการประชุม(AFP)

ความท้าทายที่สหรัฐต้องเผชิญ

แต่อย่างไรก็ดีบรรดานักวิเคราะห์ระหว่างประเทศได้แสดงความกังวลว่า เนื่องด้วยเวลาเตรียมความพร้อมให้แก่กระบวนการนี้ของสหรัฐมีแค่1ปีซึ่งถือว่าค่อนข้างสั้นเมื่อเทียบกับจีนที่เตรียมพร้อมนานถึง6ปี ดังนั้นการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐและแอฟริกาจึงยากที่จะบรรลุผลงานตามความคาดหวังได้เพราะสหรัฐเองก็ยังมีความขัดแย้งเกี่ยวกับมาตรการกระชับความร่วมมือกับแอฟริกาและคาดว่าจะไม่มีการประกาศเอกสารการประชุมหรือแผนปฏิบัติการใดๆระหว่างสองฝ่าย ซึ่งแทนที่จะยืนยันว่าการประชุมสุดยอดในลักษณะนี้ระหว่างสองฝ่ายจะมีขึ้นอีกหลายครั้งในอนาคต เจ้าหน้าที่สหรัฐบางคนกลับพูดว่าแค่อยากมาดูว่าการประชุมนี้จะดำเนินการอย่างไรเท่านั้น  และถึงแม้นายโอบามาได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่2แล้วแต่แอฟริกาก็ยังไม่กลายเป็นเป้าหมายอันดับแรกในนโยบายด้านการต่างประเทศของผู้นำทำเนียบขาว ซึ่งสิ่งนี้ได้ทำให้ที่ปรึกษาของนายโอบามาคือนาง ซูซานไรก์ต้องกล่าวยอมรับว่าสหรัฐจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดที่ล้าหลังเกี่ยวกับทวีปแอฟริกาเพราะแทนที่จะมองเห็นแต่การปะทะ โรคระบาดหรือความยากจน จะต้องมีมุมมองใหม่ที่หลากหลายเกี่ยวกับแอฟริกาที่เต็มไปด้วยพลังแห่งการพัฒนาใหม่

ทั้งนี้ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและแอฟริกายังมีอุปสรรคกีดขวางต่างๆแต่การประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐ-แอฟริกาครั้งแรกนี้ก็ถือเป็นโอกาสเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายกระชับความร่วมมือ ทำความเข้าใจกันและสร้างพื้นฐานให้แก่การพัฒนาที่กว้างลึกยิ่งขึ้นในอนาคต./.

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด