เมื่อมองดูกระบวนการสร้างสรรค์และพัฒนากรุงฮานอยในหลายปีมานี้ ไม่เพียงแต่ชาวฮานอยที่ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้เท่านั้น แต่ผู้ที่กำลังอยู่อาศัยในกรุงฮานอยก็ต้องรู้สึกแปลกใจต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของผืนแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์นี้ โดยเฉพาะนับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมปี 2010 ได้มีการขยายพื้นที่เขตปกครองกรุงฮานอย ซึ่งถือเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของกรุงฮานอยที่ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการพัฒนาใหม่

ในตลอด 6 ปีที่ผ่านมา กรุงฮานอยได้พยายามแก้ไขปัญหาใหญ่ๆ โดยเฉพาะการเสร็จสิ้นการวางผัง เมืองและการปรับปรุงกลไกการบริหารเพื่อตอบสนองความต้องการในการขยายเขตตัวเมือง โดยมีการพัฒนาทั้งในด้านกว้างและส่วนลึก พื้นที่กรุงฮานอยในปัจจุบันครอบคลุมจังหวัดห่าเตย ทั้งอำเภอเมลิงของจังหวัดหวิงฟุ้ก พื้นที่ส่วนหนึ่งของจังหวัดบั๊กนิงห์และตำบลบางแห่งของจังหวัดหว่าบิ่งห์ และภายในเวลาอันสั้น เขตตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองหลวงก็ได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยโดยมีทั้งตึกสูงๆที่เป็นแลนด์มาร์คและเส้นทางคมนาคมที่ทันสมัยต่างๆ เช่น ถนนทังลอง ทางหลวงหมายเลข 3 ที่เชื่อมกรุงฮานอยกับจังหวัดท้ายเงวียน ทางไฮเวย์ทังลอง – โหน่ยบ่าย ถนนวงแหวนรอบเมืองหมายเลข 1    2และ 3ที่เชื่อมใจกลางกรุงฮานอยกับ 5 ตัวเมืองที่อยู่ในโครงข่ายกลุ่มตัวเมืองคือหว่าหลาก เซินไต ซวนมาย ฟู้เซวียนและซอกเซิน ตลอดจนการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแดง เช่น สะพานหวิงตุย สะพานแทงฉี่และสะพานเหญิดเติน ซึ่งสร้างโฉมใหม่ให้แก่กรุงฮานอย นายฝามกวางหงิ่ เลขาธิการพรรคสาขากรุงฮานอยเผยว่า “ปัจจุบันกรุงฮานอยมีพื้นที่รวม 3,400 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 1 ของพื้นที่ทั้งประเทศ และมีประชากรร้อยละ 10 ของประชากรทั้งประเทศหรือประมาณ 9 ล้านคน กิจกรรมด้านเศรษฐกิจมีส่วนร่วมเกือบร้อยละ 10 ในผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ สามารถเก็บภาษีเข้างบประมาณได้ร้อยละ 20 และการส่งออกอยู่ที่ร้อยละ 9 ตัวเลขดังกล่าวพร้อมกับคำยืนยันในรัฐธรรมนูญและกฎหมายนครหลวงได้ทำให้ฮานอยกลายเป็นศูนย์กลางแห่งการบริหาร การเมือง วัฒนธรรม การศึกษา วิทยาศาสตร์ เศรษฐกิจ การค้าและการเชื่อมโยงกับต่างประเทศ”

ภายหลังที่ต้องระดมพลังเพื่อรองรับการขยายเขตตัวเมือง เศรษฐกิจสังคมของกรุงฮานอยกำลังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลิตภัณฑ์มวลรวมของกรุงฮานอยในช่วงปี 2008-2014 เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 9.2 โดยภาคอุตสาหกรรม การบริการ การเกษตร ป่าไม้และสัตว์น้ำต่างมีการขยายตัวค่อนข้างสูง โดยเฉพาะใน 6 เดือนแรกของปี 2014 จีดีพีเฉลี่ยของกรุงฮานอยอยู่ที่ร้อยละ 6.4 และคาดว่าในปี 2014นี้ อาจบรรลุกว่าร้อยละ 9 ซึ่งสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของทั้งประเทศ 1.5 เท่า ในหลายปีมานี้ ฮานอยถูกจัดให้เป็นนครระดับแนวหน้าในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ มีส่วนร่วมต่อจีดีพีกว่าร้อยละ 10 และมูลค่าการส่งออกคิดเป็นร้อยละ 9 ของการส่งออกทั้งประเทศตลอดจนเป็นท้องถิ่นนำหน้าของประเทศในการสร้างสรรค์ชนบทใหม่

พร้อมกับการเติบโตและการพัฒนาอย่างรวดเร็วในด้านเศรษฐกิจ กรุงฮานอยกำลังผลักดันความเชื่อมโยงและความร่วมมือผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลก ซึ่งจนถึงขณะนี้ ฮานอยได้สถาปนาความสัมพันธ์กับกว่า 100 เมืองหลวงและนครของ 50 ประเทศและดินแดน พร้อมทั้งเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการขององค์การนานาชาติต่างๆ เช่น สมาคมนครใหญ่ทั่วโลก สมาคมนายกเทศมนตรีประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสและเครื่อข่ายนครใหญ่ในเอเชีย เป็นต้น

เพื่อสร้างสรรค์กรุงฮานอยให้นับวันยิ่งมีอารยธรรมและทันสมัย ในยุทธศาสตร์ทั่วไปเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมปี 2020และวิสัยทัศน์ถึงปี 2030 พร้อมกับการประกาศนโยบายที่อำนวยความสะดวกให้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจ ฮานอยยังเน้นลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานแบบบูรณการ โดยให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆในการพัฒนาระบบคมนาคมให้ทันสมัยเพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาตัวเมืองที่ทันสมัย นายโห่กวางเหล่ย หัวหน้าคณะกรรมการประชาสัมพันธ์และให้การศึกษากรุงฮานอยเผยว่า “ในการวางผัง กรุงฮานอยถูกก่อสร้างตามรูปแบบกลุ่มตัวเมืองที่มี 1 ตัวเมืองเป็นศูนย์กลางและอีก 5 ตัวเมืองและอำเภอเมืองอยู่ในเขตปริมณฑล โดยมีระบบคมนาคมเชื่อมโยงระหว่างเขตและนอกเขต  ส่วนตัวเมืองที่เป็นศูนย์กลางนั้นจะแยกจากตัวเมืองที่อยู่ในเครือโดยระเบียงแห่งสีเขียว ซึ่งใช้พื้นที่ธรรมชาติถึงร้อยละ 70  ส่วนตัวเมืองที่อยู่ในเครือจะสามารถบริหารงานได้โดยอิสระในบางด้านแต่ยังคงสร้างบรรยากาศแห่งเศรษฐกิจที่สามารถสนับสนุนกันในทุกด้าน” 

การรำลึกครบรอบ 60 ปีวันปลดปล่อยกรุงฮานอยในปีนี้ก็ถือเป็นโอกาสให้ทางการกรุงฮานอยและประชาชนหวนทบทวนประวัติศาสตร์แห่งการสร้างสรรค์และพัฒนาเมืองหลวงและมองถึงโอกาส ความท้าทายและประสบการณ์เพื่อสร้างสรรค์กรุงฮานอยให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสมบูรณ์ในระยะต่อไป./.