(VOVWORLD) -วันที่ 8 สิงหาคม ประธานสภาแห่งชาติ เวืองดิ่งเหวะ จะนำคณะผู้แทนสภาแห่งชาติเวียดนามเดินทางไปเยือนประเทศอิหร่านในระหว่งวันที่ 8-10 สิงหาคมตามคำเชิญของนาย Mohammad Bagher Ghalibaf ประธานสภาที่ปรึกษาอิสลามอิหร่าน การเยือนมีขึ้นในโอกาสที่เวียดนามและอิหร่านรำลึกครอบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตที่ 4 สิงหาคม
นาย Ali Akbar Nazari เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำเวียดนาม (dangcongsan.vn) |
การเยือนครั้งนี้ถือเป็นนิมิตหมายสำคัญเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ มุ่งสู่อนาคตแห่งความร่วมมือที่แน่นแฟ้นและรอบด้านมากขึ้น โดยเฉพาะในสภาวการณ์ที่ทั้งสองประเทศกำลังผลักดันความสัมพันธ์ทางการทูตพหุภาคีและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก
50 ปีนับตั้งแต่ที่เวียดนามและอิหร่านสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือระหว่างสองประเทศนับวันได้รับการธำนุบำรุงและพัฒนาในด้านต่างๆ เช่น การเมือง การทูต วัฒนธรรม เศรษฐกิจและการค้า
เวียดนาม – อิร่าน: 50 ปีร่วมกันพัฒนา
ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอิหร่านได้รับการสถาปนาและพัฒนาในตลอด 50 ปีที่ผ่านมาเนื่องจากปัจจัย 3 อย่างคือ การให้ความเคารพ พัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีในด้านการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและความร่วมมือเชิงสร้างสรรค์ในองค์กรพหุภาคีต่างๆ
ความสัมพันธ์การเมือง – การทูตระหว่างสองประเทศมีก้าวพัฒนาในทุกช่องทางทั้งระดับรัฐ รัฐสภาและระดับประชาชนผ่านการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับ นาย Ali Akbar Nazari เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำเวียดนามได้เผยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกำลังได้รับการกระชับผ่านความตั้งใจอย่างสูงในด้านการเมือง โดยในการพบปะต่างๆ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองประเทศต่างยืนยันว่าให้ความสำคัญเป็นอย่างมากต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีนี้
“เวียดนามอยู่ในรายชื่อประเทศที่อิหร่านให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เพื่อขยายความสัมพันธ์ร่วมมือ ทั้งสองประเทศจึงสถาปนาความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องและมิตรภาพในตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ในหลายปีที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ไม่เคยมีความขัดแย้งใดๆ นอกจากนี้ นโยบาย วัฒนธรรมและจุดยืนของทั้งสองประเทศเกี่ยวกับลัทธิพหุภาคียังมีความคล้ายคลึงกัน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่เวียดนามอยากขยายความสัมพันธ์ร่วมมือในนโยบายการต่างประเทศ ดังนั้น หลังวิกฤตโควิด - 19 ได้รับการควบคุม ทั้งสองประเทศได้ปฏิบัติกลไกการแลกเปลี่ยนแรงงาน”
นอกจากนี้ ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้าทวิภาคีได้รับการผลักดันอย่างต่อเนื่อง ส่วนมูลค่าการค้าทวิภาคได้เพิ่มขึ้นกว่า 19 เท่าภายใน 20 ปี จาก 6.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 2001 ขึ้นเป็น 124.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2021 ความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น วัฒนธรรม การศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีได้ประสบผลสำเร็จที่น่ายินดี เอกอัครราชทูต Ali Akbar Nazari กล่าวว่า
“ทั้งสองประเทศยังมีศักยภาพความร่วมในระดับสูง โดยมีลักษณะที่สนับสนุนกันในด้าน เวียดนามเป็นประเทศที่มีอัตราการขยายตัวสูง ซึ่งเพื่อสนับสนุนกระบวนการพัฒนาประเทศ เวียดนามมีความต้องการด้านพลังงาน ส่วนอิหร่านเป็นผู้จัดสรรพลังงาน จึงสามารถร่วมมือกับเวียดนามในด้านนี้ ในด้านการเกษตร อิหร่านกำลังนำเข้าสินค้าเกษตรของเวียดนามและก็ส่งออกสินค้าเกษตรบางรายการไปยังเวียดนาม เช่น กีวี ทับทิม แอปเปิ้ล เชอร์รี่ องุ่น เป็นต้น อิหร่านมีพื้นที่กว้างใหญ่เลียบตามทะเลจากเหนือจรดใต้ ดังนั้น เวียดนามสามารถใช้ศักยภาพนี้เพื่อส่งออกสินค้าไปยังเขตเอเชียกลาง ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่มีประชากร 500 ล้านคน”
นาย เลืองก๊วกฮวี เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำอิหร่าน (สถานทูตเวียดนามประจำอิหร่าน) |
นิมิตหมายสำคัญในความสัมพันธ์เวียดนาม – อิหร่าน
ปี 2023 ซึ่งครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเวียดนามกับอิหร่าน โอกาสนี้ ประธานสภาแห่งชาติเวียดนาม เวืองดิ่งเหวะ ได้นำคณะผู้แทนระดับสูงของสภาแห่งชาติเวียดนามเดินทางไปเยือนประเทศอิหร่านตามคำเชิญของ Mohammad Bagher Ghalibaf ประธานสภาที่ปรึกษาอิสลามอิหร่าน นาย เลืองก๊วกฮวี เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำอิหร่านเผยว่า นี่เป็นการเยือนอิหร่านครั้งแรกของประธาสภาแห่งชาติเวียดนามนับตั้งแต่ปี 1999 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญและความปราถนาของผู้นำทั้งสองประเทศเกี่ยวกับการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในกรอบการเยือนครั้งนี้ เรื่องที่น่าสนใจมากที่สุดคือการลงนามบันทึกช่วยจำแห่งความร่วมือหรือ MoU ระหว่างรัฐสภาของทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นเอกสารความร่วมมือฉบับแรกที่ได้รับการลงนามในระดับรัฐสภาเพื่อตรวจสอบการปฏิบัติข้อตกลงที่ได้ลงนามระหว่างรัฐบาลและท้องถิ่นต่างๆ ของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ ในโอกาสนี้ จะมีการลงนามเอกสารฉบับต่างๆ เอกอัครราชทูต เลืองก๊วกฮวี ยืนยันว่า
“การเยือนอิหร่านของประธานสภาแห่งชาติ เวืองดิ่งเหวะ และการเยือนประเทศอื่นๆของผู้นำพรรคฯและรัฐเวียดนามในปีนี้แสดงให้เห็นถึงแนวทางการต่างประเทศที่อิสระ พึ่งตนเองและเป็นฝ่ายรุกในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหลายรูปแบบหลายฝ่าย ซึ่งถูกระบุในแนวทางการต่างประเทศของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 13 จากผลสำเร็จที่จะบรรลุในการเยือนอิหร่านครั้งนี้ของประธานสภาแห่งชาติ เวืองดิ่งเหวะ เชื่อว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะได้รับการยกระดับขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ มีประสิทธิภาพและจริงจังมากขึ้น”
เพื่อสร้างนิมิตหมายแห่งความร่วมมือและพัฒนาในตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงปลายปี เวียดนามและอิหร่านจะจัดการเยือนต่างๆ ของผู้นำระดับสูง รวมทั้งการเยือนระหว่างกันของคณะผู้แทนทุกระดับ วางแผนการร่วมมือจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น สัปดาห์วัฒนธรรม สัปดาห์ฉายภาพยนตร์และการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรเพื่อเพิ่มความเข้าใจระหว่างประชาชนและกระชับความสัมพันธ์มิตรภาพเวียดนาม – อิหร่านให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเวียดนาม – อิหร่านเป็นนิมิตหมายสำคัญ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์จองความร่วมมือมิตรภาพที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพและผลสำเร็จร่วมกันของทั้งสองประเทศ นี่ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมให้เวียดนามและอิหร่านมุ่งสู่อนาคตแห่งความร่วมมือที่ลึกซึ้งและรอบด้านมากขึ้นเพื่อความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน.