เวียดนามกับโอกาสเป็นสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

(VOVWORLD) - ในวันที่ 7 มิถุนายน ที่ประชุมครั้งที่ 73 สมัชชาใหญ่สหประชาชาติจะลงคะแนนเลือกสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 5 ประเทศ โดยมี 1 ตำแหน่งสำหรับกลุ่มประเทศในเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งเวียดนามเป็นผู้ลงสมัครเพียงประเทศเดียวของกลุ่ม และกำลังมีโอกาสสูงที่จะได้เป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งต่อสันติภาพโลก
เวียดนามกับโอกาสเป็นสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ - ảnh 1เอกอัครราชทูตและหัวหน้าคณะผู้แทนเวียดนามประจำสหประชาชาติ ดั่งดิ่งกวี๊ 

 

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ มีสมาชิก 15 ประเทศเป็นหนึ่งใน 6 องค์กรหลักของสหประชาชาติ โดยมีประเทศสมาชิกถาวร 5 ประเทศ ประกอบด้วย สหรัฐ รัสเซีย จีน อังกฤษ ฝรั่งเศสและ 10 ประเทศสมาชิกไม่ถาวรที่แบ่งตามภูมิศาสตร์ ซึ่งคัดเลือกโดยสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเพื่อปฏิบัติหน้าที่วาระ 2 ปี

ด้วยบทบาทสำคัญคือธำรงสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ ดังนั้น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจึงมีอำนาจมากในการออกมติที่มีผลบังคับใช้ที่ทุกประเทศสมาชิกของสหประชาชาติต้องให้ความเคารพและปฏิบัติตาม ในขณะที่สำนักงานอื่นๆของสหประชาชาติสามารถมีการตัดสินใจในลักษณะให้คำแนะนำเท่านั้น ดังนั้น การได้เข้าร่วมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจึงไม่เพียงแต่เป็นความภาคภูมิใจเท่านั้น หากยังเป็นโอกาสเพื่อยืนยันถึงชื่อเสียงและสถานะของประเทศอีกด้วย

อาศัยชื่อเสียงและประสบการณ์ เวียดนามมีโอกาสเพื่อมีความคาดหวัง

ก่อนลงสมัครเข้าเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี 2020-2021 เวียดนามเคยเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี 2008-2009 และได้ทำหน้าที่เป็นประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในเดือนกรกฎาคมปี 2008 และเดือนตุลาคมปี 2009

เพื่อได้รับการคัดเลือกในการลงคะแนนในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ เวียดนามต้องได้รับเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 2 ใน 3 จากจำนวน 193 ประเทศสมาชิกของสหประชาชาติ และเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2018 กลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกเห็นพ้องเสนอชื่อเวียดนามเพียงประเทศเดียวของกลุ่มเพื่อลงสมัครตำแหน่งสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี 2020-2021 ซึ่งตามความเห็นของเอกอัครราชทูตและหัวหน้าคณะผู้แทนเวียดนามประจำสหประชาชาติ ดั่งดิ่งกวี๊ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการสนับสนุนและความไว้วางใจในระดับสูงของประเทศต่างๆในภูมิภาคต่อบทบาทและความสามารถของเวียดนาม อีกทั้งอำนวยความสะดวกในการรณรงค์ให้ประเทศสมาชิกของสหประชาชาติในภูมิภาคอื่นๆลงคะแนนสนับสนุนเวียดนาม “จนถึงขณะนี้ อาจกล่าวได้ว่า เวียดนามมีโอกาสสูงที่ได้รับเลือก เวียดนามเป็นผู้ลงสมัครเพียงประเทศเดียวของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พวกเราได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากกว่า 100 ประเทศและคำมั่นสนับสนุนจากเกือบ 40 ประเทศ”

ความประสงค์ที่จะมีส่วนร่วมที่เข้มแข็งต่อความพยายามรักษาสันติภาพระหว่างประเทศ

10 ปีหลังการลงสมัครครั้งแรก เวียดนามมีโอกาสอีกครั้งเพื่อเป็นสมาชิกขององค์กรที่ได้รับความไว้วางใจและมีอำนาจมากที่สุดของสหประชาชาติในวาระปี 2020-2021 นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปี 2020 ด้วยการตัดสินใจลงสมัครเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 2 เวียดนามมีความประสงค์มีส่วนร่วมมากขึ้นต่อความพยายามของประชาคมโลกในการให้ความสำคัญต่อกฎหมายสากลและกฎบัตรสหประชาชาติ ผลักดันบทบาทของสหประชาชาติและกลไกพหุภาคีอื่นๆ โดยเฉพาะการธำรงสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ

ในภาพรวมความมั่นคงโลก อาจเห็นได้ว่า ปัจจุบัน โลกกำลังต้องเผชิญกับความท้าทายด้านความมั่นคง ปัญหาซับซ้อนที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้ง ความมุ่งมั่นและการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศใหญ่ๆ ดังนั้น เวียดนามได้เตรียมแผนการปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุดในการดำรงบทบาทที่ประชาคมโลกไว้วางใจมอบหมายมให้ เอกอัครราชทูต ดั่งดิ่งกวี๊ เผยว่า “ส่วนงานที่ต้องปฏิบัติทันทีหลังการลงคะแนนคือปรับปรุงองค์กรทั้งในคณะเฉพาะกิจในสหประชาชาติ ตลอดจนสำนักงานต่างๆภายในประเทศเพื่อจัดตั้งกลไกความร่วมมือและกลไกการสื่อสารเพื่อทำให้กระบวนการอนุมัติเป็นไปอย่างรวดเร็วและทันการณ์ 2คือต้องวิจัยปัญหาที่เวียดนามจะเสนอ หรือเป็นผู้นำและผู้เดินหน้าในกระบวนการเข้าร่วมกิจกรรมของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในเวลา 2 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะในช่วง 2 เดือนที่เวียดนามจะดำรงตำแหน่งประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ”

โดยที่เป็นประเทศต้องผ่านสงครามหลายครั้ง ต้องฟันฝ่าความเสียหายและความปวดร้าวเพื่อปลดปล่อยประชาชาติ ช่วงชิงเอกราช ทำให้เวียดนามเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความเสียหายจากสงครามและความจำเป็นที่ต้องป้องกันการเกิดสงคราม เวียดนามยังเป็นตัวอย่างที่ได้รับการรับรองจากประชาคมโลกเนื่องจากได้พยายามสมานแผลสงคราม และแก้ไขผลเสียหายจากสงคราม ด้วยประสบการณ์จากอดีต ผลสำเร็จในภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ที่น่าประทับใจ สถานะและบทบาทนับวันได้รับการยกระดับให้สูงขึ้นบนเวทีโลก พร้อมแนวทางการต่างประเทศที่นับวันเปิดกว้าง เชื่อมั่นว่า เวียดนามจะดำรงบทบาทที่ประชาคมโลกไว้วางใจมอบหมายให้อย่างมีประสิทธิภาพ.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด