เวียดนามพยายามปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนและประกอบธุรกิจ

(VOVworld) -เวียดนามกำลังพัฒนาและปรับปรุงนโยบายเศรษฐกิจหลายนโยบาย รวมทั้ง นโยบายดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือ FDI และนโยบายพัฒนาเขตลงทุนภายในประเทศ นี่คือคำยืนยันของท่าน บุ่ยกวางวิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุนในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน รวมทั้งนักข่าวสถานีวิทยุเวียดนามเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

(VOVworld) - เวียดนามกำลังพัฒนาและปรับปรุงนโยบายเศรษฐกิจหลายนโยบาย รวมทั้ง นโยบายดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือ FDI และนโยบายพัฒนาเขตลงทุนภายในประเทศ นี่คือคำยืนยันของท่าน บุ่ยกวางวิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุนในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน รวมทั้งนักข่าวสถานีวิทยุเวียดนามเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

เวียดนามพยายามปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนและประกอบธุรกิจ - ảnh 1
ท่าน บุ่ยกวางวิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุน

ตามรายงานสถิติใน 4 เดือนแรกของปี 2014 เวียดนามสามารถดึงดูดเงินลงทุน FDI 4 ล้าน 8 แสน 5 หมื่น 5 พันล้านเหรียญสหรัฐจาก 36 ประเทศและดินแดนโดยสาธารณรัฐเกาหลีเป็นประเทศที่ลงทุนในเวียดนามมากที่สุด รวมเงินลงทุนกว่า 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นกว่าร้อยละ 23 ของยอดเงิน FDIในเวียดนาม รองลงมาคือญี่ปุ่นมีเงินลงทุนกว่า 530 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 11และสิงคโปร์อยู่อันดับ 3 ที่ใช้เงินลงทุน 479 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 9.9 ในไตรมาสแรกของปี 2014 ทั่วประเทศมีสถานประกอบการกว่า 1 หมื่น 8 พัน 3 ร้อยแห่งที่จดทะเบียนจัดตั้ง รวมเงินทุนจดทะเบียนเกือบ 9 หมื่น 9 พันพันล้านด่ง คิดเป็นร้อยละ 17 ในด้านจำนวนสถานประกอบการและเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 23 ในด้านเงินลงทุนจดทะเบียนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2013ซึ่งถือเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกันที่เวียดนามมีจำนวนสถานประกอบการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่เพิ่มขึ้น
พยายามปรับปรุงบรรยากาศการดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ

บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจได้แสดงความคาดหวังเกี่ยวกับสถานการณ์การดึงดูดเงินทุน FDI และแสดงความเห็นว่า เวียดนามกำลังมีโอกาสมากมายเพื่อดึงดูดเงินทุน FDI เนื่องจากมีความได้เปรียบในด้านเสถียรภาพทางการเมืองและความเป็นระเบียบเรียบร้อยทางสังคมเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนั้น นักลงทุนต่างประเทศยังให้ความสำคัญต่อศักยภาพตลาดที่มีประชากร 90 ล้านคนและจนถึงปี 2020 จะเพิ่มขึ้นเป็น 100 ล้านคนของเวียดนาม โดยมีประชากรประมาณ 15 ล้านคนมีรายได้มากกว่า 1 หมื่นเหรียญสหรัฐต่อปีซึ่งไม่เพียงแต่มองเห็นถึงความมีเสถียรภาพทางการเมืองและศักยภาพตลาดเท่านั้น นักลงทุนต่างประเทศยังเห็นถึงความพยายามของรัฐบาลเวียดนามในการปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนเพราะถึงแม้ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุนได้ทั้งหมด แต่รัฐบาลเวียดนามยังคงแสวงหาทุกวิถีทางเพื่อสร้างบรรยากาศการลงทุนที่สะดวก เช่น ปฏิรูประเบียบราชการและแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องถึงการลงทุน ท่าน บุ่ยกวางวิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุนได้แสดงความเห็นว่าผมคิดว่า บรรยากาศการลงทุนในเวียดนามยังไม่สมบูรณ์เพราะเวียดนามเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา ดังนั้น ระบบกฎหมายจึงค่อยๆได้รับการปรับปรุงให้มีความสมบูรณ์ซึ่งแตกต่างกับประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ต้องมองว่า เวียดนามได้พยายามปรับปรุงบรรยากาศการลงทุน ประกอบธุรกิจอย่างเข้มแข็งซึ่งนักลงทุนรับทราบถึงความพยายามของเวียดนามผ่านจำนวนเงินลงทุนและจำนวนโครงการลงทุน FDI ในเวียดนามที่นับวันเพิ่มมากขึ้น

เวียดนามพยายามปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนและประกอบธุรกิจ - ảnh 2
เวียดนามพยายามปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนและประกอบธุรกิจ

การเปลี่ยนแปลงสำคัญเพื่อพัฒนาเขตเศรษฐกิจภายในประเทศ
นอกจากความพยายามปรับปรุงบรรยากาศการดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศแล้ว เวียดนามยังตระหนักได้ดีว่า ต้องให้ความสนใจอย่างสมบูรณ์ถึงกลุ่มสถานประกอบการภายในประเทศเพื่อกระตุ้นแรงจูงใจพัฒนาประเทศโดยสถานประกอบการภาครัฐได้รับการปรับปรุงโครงสร้างตามแนวทางปรับลดแขนงการประกอบธุรกิจ พร้อมทั้งแปรเป็นบริษัทหุ้นส่วนอย่างเข้มแข็งเพื่อยกระดับประสิทธิภาพ สำหรับสถานประกอบการภาคเอกชน ท่าน บุ่ยกวางวิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุนได้ชี้ชัดว่าพวกเราต้องให้ความสนใจมากขึ้นต่อกลุ่มสถานประกอบการภาคเอกชนเพราะนี่คือกองกำลังที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของเศรษฐกิจเวียดนาม ในการจัดทำแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจในเวลาที่จะถึง พวกเราได้เสนอเป้าหมายคือ ต้องเน้นทุกแหล่งพลัง มีนโยบายที่เข้มแข็งเพื่อผลักดันการใช้ความได้เปรียบเกี่ยวกับสถานประกอบการภาคเอกชนภายในประเทศอย่างเต็มที่ อาจกล่าวได้ว่า สถานประกอบการภาคเอกชนจะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่สุดในการมีส่วนร่วมต่อการขยายตัวของเวียดนาม
เพื่อดึงดูดการลงทุน กฎหมายสถานประกอบการและกฎหมายลงทุนที่เวียดนามกำลังแก้ไขจะมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการซื้อขายและการควบรวมกิจการเพื่อตอบสนองการผลักดันการแปรสถานประกอบการภาครัฐเป็นบริษัทหุ้นส่วนและปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศซึ่งกฎหมาย 2 ฉบับดังกล่าวได้เน้นถึงการให้ความสำคัญต่อบทบาทของสถานประกอบการที่มีส่วนร่วมต่อเศรษฐกิจตามแนวทางทุกแขนงอาชีพที่ถูกต้องตามกฎหมาย ประชาชนและผู้ประกอบการต่างสามารถเข้าร่วมการลงทุน ผลิตและประกอบธุรกิจ ใบอนุญาตและระเบียบราชการหลายขั้นตอนจะถูกยกเลิกเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การผลิต ประกอบธุรกิจและเป็นการค้ำประกันว่า เศรษฐกิจทุกภาคส่วนมีความเสมอภาคเพื่อสร้างพลังขับเคลื่อนให้ประเทศพัฒนาในเวลาที่จะถึง./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด