เวียดนามยกระดับสถานะและความพยายามในการแก้ไขปัญหาของโลก

(VOVWorld)-นาย เหงวียนซวนฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้เสร็จสิ้นการเยือนญี่ปุ่นและการเข้าร่วมการประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกหรือจี๗ในระหว่างวันที่๒๖-๒๘พฤษภาคมตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น  ผลการเยือนญี่ปุ่นและการเข้าร่วมการประชุมจี๗ครั้งนี้เป็นการยืนยันถึงนโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายของเวียดนาม  พร้อมทั้ง เป็นความพยายามเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆในโลก เป็นหุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือและเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบในประชาคมโลก

(VOVWorld)-นาย เหงวียนซวนฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้เสร็จสิ้นการเยือนญี่ปุ่นและการเข้าร่วมการประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกหรือจี๗ในระหว่างวันที่๒๖-๒๘พฤษภาคมตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น  ผลการเยือนญี่ปุ่นและการเข้าร่วมการประชุมจี๗ครั้งนี้เป็นการยืนยันถึงนโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายของเวียดนาม  พร้อมทั้ง เป็นความพยายามเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆในโลก เป็นหุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือและเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบในประชาคมโลก
เวียดนามยกระดับสถานะและความพยายามในการแก้ไขปัญหาของโลก - ảnh 1
นาย บุ่ยแทงเซิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม

นี่เป็นครั้งแรกที่นาย เหงวียนซวนฟุกในฐานะนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะผู้แทนระดับสูงเวียดนามได้เข้าร่วมการประชุมกลุ่มจี๗และเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการและนี่ก็เป็นครั้งแรกในกรอบ๔๒ปีที่เวียดนามได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมจี๗  ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการที่สมาชิกกลุ่มจี๗  โดยเฉพาะญี่ปุ่นให้ความสำคัญต่อเวียดนามและมีความประสงค์ว่า เวียดนามจะมีบทบาทมากขึ้นในการแก้ไขปัญหาภูมิภาคและโลก
ยืนยันจุดยืนเกี่ยวกับสันติภาพ เสถียรภาพและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
โดยการแสดงความรับผิดชอบของเวียดนามต่อปัญหาต่างๆของโลกในการกล่าวปราศรัยต่อที่ในประชุมของกลุ่มจี๗ นาย เหงวียนซวนฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ยืนยันถึงจุดยืนของเวียดนามเกี่ยวกับสันติภาพ เสถียรภาพและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในโลก  โดยเฉพาะ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก  พร้อมทั้ง ชี้ชัดถึงความท้าทายที่นับวันเพิ่มมากขึ้นต่อสันติภาพ เสถียรภาพในภูมิภาค  โดยเฉพาะ ความมั่นคง ความปลอดภัยและเสรีภาพในการเดินเรือและการบินในทะเลตะวันออก  อีกทั้ง เห็นว่า ประเทศต่างๆที่เกี่ยวข้องต้องใช้ความอดกลั้น แก้ไขปัญหาการพิพาทอย่างสันติและสอดคล้องกับกฎหมายสากล  รวมทั้ง อนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี๑๙๘๒  ปฏิบัติตามแถลงการณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อกันของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือดีโอซี  ผลักดันมาตรการต่างๆเพื่อสร้างความไว้วางใจและการทูตเชิงป้องกัน มุ่งสู่การจัดทำร่างระเบียบการปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือซีโอซีโดยเร็ว  ซึ่งจุดยืนดังกล่าวของเวียดนามได้รับการสนับสนุนจากหลายประเทศและองค์การระหว่างประเทศ  โดยที่ประชุมได้ออกแถลงการณ์ร่วมที่ยืนยันว่า ทุกปฏิบัติการเพียงฝ่ายเดียวเพื่อปรับปรุงเกาะเทียมในทะเลตะวันออกได้ก่อความไม่สงบ เพิ่มความตึงเครียดและคุกคามต่อสันติภาพ  พร้อมทั้ง เรียกร้องให้ประเทศต่างๆที่เกี่ยวข้องใช้ความอดกลั้นและแก้ไขทุกปัญหาการพิพาทอย่างสันติบนพื้นฐานของกฎหมายสากล นอกจากนี้ นาย เหงวียนซวนฟุกยังเรียกร้องให้ประเทศจี๗ให้ความช่วยเหลือประเทศที่กำลังพัฒนาในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพสูงและผลักดันการเชื่อมโยงเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ  สำหรับเรื่องนี้ นาย บุ่ยแทงเซิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้ประเมินว่า “ในการประชุมครั้งนี้ เวียดนามได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และมีความประสงค์ว่า ประชาคมโลกจะช่วยเหลือเวียดนามในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพสูงและยั่งยืน  เวียดนามเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ  โดยเฉพาะ ภัยแล้งและปัญหาน้ำทะเลซึม ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาคมโลก  ประเทศเจ้าภาพญี่ปุ่น กลุ่มจี๗และองค์การระหว่างประเทศ เช่น ธนาคารโลก ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชียต่างให้ความสนใจต่อประเทศที่กำลังพัฒนา  รวมทั้งเวียดนามและช่วยเหลือเวียดนามในการปฏิบัติมาตรการรับมือกับภัยแล้งและปัญหาน้ำทะเลซึมในระยะกลางและระยะยาว”
เวียดนามยกระดับสถานะและความพยายามในการแก้ไขปัญหาของโลก - ảnh 2
นาย เหงวียนซวนฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม

            กระชับความสัมพันธ์ทวิภาคี
ในโอกาสเข้าร่วมการประชุมกลุ่มจี๗  นาย เหงวียนซวนฟุกได้มีการพบปะกับผู้นำต่างๆในโลก  รวมทั้ง เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ  ในการพบปะต่างๆ นาย เหงวียนซวนฟุกต่างยืนยันว่า รัฐบาลเวียดนามตั้งใจพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศและองค์การระหว่างประเทศต่างๆให้เข้าสู่ส่วนลึกและจริงจังมากขึ้น  โดยเฉพาะ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ  พร้อมทั้ง มีความประสงค์ว่า ประเทศและหุ้นส่วนต่างๆจะให้การสนับสนุนเวียดนามในการส่งเสริมบทบาทและความรับผิดชอบในองค์การระหว่างประเทศ  ประสานงานกันอย่างใกล้ชิดในฟอรั่มพหุภาคีในภูมิภาคและโลก  รวมทั้ง ให้การสนับสนุนเวียดนามลงสมัครชิงตำแหน่งประเทศสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี๒๐๒๐-๒๐๒๑และประธานยูเนสโกวาระปี๒๐๑๗-๒๐๒๑

ถึงแม้การเยือนญีปุ่นได้มีขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆแต่ก็ได้บรรลุผลงานที่น่ายินดีและมีส่วนร่วมกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่น  ในโอกาสนี้ นาย ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ตัดสินใจสงวนวงเงินช่วยเหลือ   ในรูปให้เปล่ามูลค่า๒.๕ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่เวียดนามในการแก้ไขผลเสียหายจากปัญหาภัยแล้งและปัญหาน้ำทะเลซึม  นาย เหงวียนซวนฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ให้ข้อสังเกตว่า“ผมขอชื่นชมการที่ท่านนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นสงวนวงเงินช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาหรือโอดีเอให้แก่เวียดนามในการพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคม  ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับเวียดนามในการปฏิบัติวงเงินสินเชื่อ มูลค่า๑แสน๑หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพสูงในภูมิภาคเอเชียบนเจตนารมณ์ของที่ประชุมจี๗  ปฏิบัติข้อคิดริเริ่มเกี่ยวกับการเชื่อมโยงแม่โขง-ญี่ปุ่น  เวียดนามยังยืนยันถึงความตั้งใจในการปฏิบัติโครงการดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ  ยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมของเวียดนาม  เห็นพ้องที่จะผลักดันความร่วมมือด้านการลงทุน การค้า การพัฒนาแหล่งบุคลากร สาธารณะสุข การแก้ไขผลเสียหายจากสงครามและความร่วมมือระหว่างท้องถิ่นต่างๆของทั้งสองประเทศ
ในกรอบการเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ นาย เหงวียนซวนฟุกได้ส่งสาส์นที่เข้มแข็งของเวียดนามต่อบรรดาผู้ประกอบการของญี่ปุ่นคือ เวียดนามจะสร้างบรรยากาศการลงทุนและการประกอบธุรกิจที่สะดวกและเสมอภาคให้แก่บรรดานักลงทุนต่างชาติ
การเยือนญี่ปุ่นและการเข้าร่วมการประชุมกลุ่มจี๗ของนายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้มีส่วนร่วมที่สำคัญต่อการผลักดันความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่น  รวมทั้ง มีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน เป็นฝ่ายรุกและมีความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาของโลก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด