เวียดนามเร่งผลักดันกระบวนการปฏิบัติการประกันสุขภาพปวงชน

จนถึงสิ้นปี 2014 อัตราประชาชนที่ซื้อบัตรประกันสุขภาพในทั่วประเทศบรรลุร้อยละ 71.6 สูงกว่าเป้าหมายที่ได้วางไว้ในโครงการของรัฐบาลคือร้อยละ 70 ท้องถิ่น 18 แห่งจากจำนวนทั้งหมด 63 แห่งได้บรรลุแผนการที่ได้รับมอบหมายเกี่ยวกับอัตราประชาชนที่ซื้อบัตรประกันสุขภาพซึ่งในนั้นจังหวัดในเขตเขาภาคเหนือ 7 แห่งและนครดานังมีประชาชนซื้อบัตรประกันสุขภาพกว่าร้อยละ 90  กองทุนประกันสาธารณสุขได้ช่วยชำระเงินตรวจรักษาโรค 100% ให้แก่เป้าหมายต่างๆ เช่นครอบครัวยากจนและชนกลุ่มน้อยที่กำลังอาศัยในเขตยากจนเพื่อมีส่วนร่วมลดอัตราประชาชนที่ต้องจ่ายเงินเองเพื่อตรวจรักษาโรค
การประกันสุขภาพปวงชนแสดงให้เห็นถึงความมีมนุษยศาสตร์และความยุติธรรมทางสังคม
ในจำนวนเงิน 54 ล้านล้านด่งที่สำนักงานประกันสาธารณสุขได้รับเมื่อปี 2014 มีเงินกว่า 21 ล้านล้านด่งมาจากงบประมาณแผ่นดินเพื่อให้การช่วยเหลือกลุ่มคนจน กลุ่มคนที่ใกล้ยากจนและกลุ่มที่อยู่ในเป้านโยบายซื้อบัตรประกันสุขภาพโดยยารักษาโรคทุกชนิดและบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพสูงได้ถูกระบุในบัญชีของสำนักงานประกันสาธารณสุข ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุข ปัจจุบัน เวียดนามเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่จ่ายค่ารักษาเกือบทั้งหมดให้แก่ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยที่เป็นญาติของทหารพลีชีพเพื่อชาติ ผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อการปฏิวัติ ส่วนคนจนและใกล้ยากจนก็สามารถเบิกค่ารักษาถึงร้อยละ 80 จากสำนักงานประกันสาธารณสุข ครอบครัวที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ป่าไม้ การประมงและผลิตเกลือที่มีรายได้ปานกลางได้รับการช่วยเหลือค่าตรวจรักษาโรคร้อยละ 30 เมื่อเร็วๆนี้ ในการประชุมเกี่ยวกับสถานการณ์การปฏิบัติกฎหมายประกันสาธารณสุขและโครงการปฏิบัติกระบวนการมุ่งสู่การประกันสุขภาพปวงชนในช่วงปี 2012-2015 และมุ่งสู่ปี 2020 ท่าน เหงียนเติ๊นหยุง นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า การประกันสุขภาพปวงชนคือแนวทางที่มีความหมายสำคัญพิเศษเพื่อค้ำประกันความเท่าเทียมกันในการตรวจรักษาโรคให้แก่คนรวยและคนจนซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมีมนุษยศาสตร์และความยุติธรรมทางสังคมและ ความดีเลิศของระบอบอีกด้วย ท่าน เหงียนเติ๊นหยุง ได้สั่งให้หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆผลักดันกระบวนการมุ่งสู่การประกันสุขภาพปวงชนให้เร็วขึ้น “ปี 2015 อัตราประชาชนที่ซื้อบัตรประกันสุขภาพอยู่ที่ร้อยละ 75 และพยายามจนถึงปี 2020 มีผู้ซื้อบัตรประกันร้อยละ 80 ควบคู่กันนั้นก็ต้องยกระดับคุณภาพการตรวจรักษาโรค การบริการที่มีคุณภาพสูงและลดค่ายใช้จ่ายในการตรวจรักษาโรคให้แก่ประชาชนและเป้าหมายที่ได้รับประโยชน์จากประกันสาธารณสุขมากขึ้นซึ่งหน้าที่นี้มีความหมายสำคัญเป็นอย่างมากเพราะเกี่ยวข้องกับชีวิตและสุขภาพของประชาชน”
มุ่งมั่นปฏิบัติการประกันสุขภาพปวงชนตามเป้าหมายที่ได้วางไว้
นายกรัฐมนตรี เหงียนเติ๊นหยุงได้ย้ำว่า เพื่อบรรลุอัตราประชาชนที่ซื้อบัตรประกันสุขภาพกว่าร้อยละ 71 ควบคู่กับการเพิ่มมูลค่าซื้อบัตรประกันสุขภาพตั้งแต่ร้อยละ 1.5 -4.5 เมื่อเทียบกับเงินเดือนขั้นต่ำคือความพยายามเป็นอย่างมากของระบบการเมืองเพื่อช่วยให้ประชาชนทุกคน รวมทั้งคนจนสามารถเข้าถึงการบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพสูงซึ่งเพื่อปฏิบัติเป้าหมายนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้กระทรวงสาธารณสุขตรวจสอบ เพิ่มเตมและแก้ไขเอกสารกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ให้ประชาชนทุกชั้นชนสามารถซื้อบัตรประกันสุขภาพได้ พร้อมทั้งสั่งให้ท้องถิ่นต่างๆรณรงค์ให้ครอบครัวที่ใกล้ยากจนที่ได้รับการสนับสนุนเงินซื้อบัตรประกันสุขภาพกว่าร้อยละ70และครอบครัวที่มีรายได้ปานกลางได้รับการสนับสนุนร้อยละ 30 เข้าร่วมโครงการนี้ ท่าน เหงียนเติ๊นหยุงได้ย้ำว่า“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องยกระดับจิตสำนึกและความรับผิดชอบของพรรคสาขาทุกระดับ ทางการ แนวร่วมและองค์การเกี่ยวกับหน้าที่ในการประกันสุขภาพปวงชน เช่น สมาคมเกษตรกรต้องประชาสัมพันธ์ รณรงค์หรือให้สมาคมสาขาขายบัตรประกันสุขภาพก็จะดีมาก สมาคมเกษตรกรและสมาคมสตรีให้ให้แก่ครอบครัวยากจนและใกล้ยากจนกู้เงินเพื่อซื้อบัตรประกันสุขภาพ ผมชื่นชมเนื้อหาการปฏิบัติงานที่เป็นรูปธรรมขององค์การ ต้องเข้าถึงตำบล มีสาขาขายบัตรประกันสุขภาพและซื้อบัตรประกันสุขภาพผ่านสมาคม องค์การมวลชนและไปรษณีย์”
ควบคู่กับการปฏิบัติโครงการมุ่งสู่การประกันสุขภาพปวงชนในช่วงปี 2012-2015 และมุ่งสู่ปี 2020 กฎหมายการประกันสาธารณสุขที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปี 2015 ก็ได้นำมาซึ่งผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะสิทธิผลประโยชน์ของผู้ที่ซื้อบัตรประกันสุขภาพ รวมทั้งคนจนและชนกลุ่มน้อย นาย ฝ่ามเลืองเซิน หัวหน้าคณะกรรมการปฏิบัตินโยบายประกันสาธารณสุขและประกันสังคมได้เผยว่า“กฎหมายประกันสาธารณสุขฉบับแก้ไขได้มีการปรับเปลี่ยนหลายนโยบายตามแนวทางนำมาซึ่งผลประโยชน์ให้แก่ชนกลุ่มน้อยซึ่งตามข้อกำหนดใหม่พวกเขาไม่ต้องชำระเงินในการตรวจรักษาโรคในขอบเขตที่ได้รับผลประโยชน์แทนการชำระเงินร้อยละ 5 เหมือนเมื่อก่อน ประเด็นที่สองคือ คนจนและชนกลุ่มน้อยที่อาศัยในเขตยากจนก็ได้รับการยกเว้นค่าใช้จ่ายในการตรวจรักษาโรค 100% ไม่ว่าจะไปตรวจที่โรงพยาบาลท้องถิ่นหรือโรงพยาบาลส่วนกลางก็ตาม”
เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการผลักดันการปฏิบัติการประกันสุขภาพปวงชน ในเดือนมีนาคมนี้ นายกรัฐมนตรี เหงียนเติ๊นหยุงจะสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและท้องถิ่นต่างๆผลักดันการปฏิบัติกฎหมายสาธารณสุขและโครงการปฏิบัติกระบวนการเพื่อมุ่งสู่การประกันสุขภาพปวงชน ควบคู่กันนั้น นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้กระทรวงสาธารณสุขเน้นปฏิบัติมาตรการยกระดับคุณภาพการตรวจรักษาโรคตามสถานที่พยาบาลอย่างพร้อมเพรียงเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนและส่งเสริมให้ประชาชนซื้อบัตรประกัขสุขภาพมากขึ้น./.