เวียดนามเสริมสร้างและขยายความสัมพันธ์ กับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Huyen-VOV5 -  
( VOVworld )-ท่านเจืองเติ้นซางประธานประเทศพร้อมภริยาจะเดินทางไปเยือนบรูไน ดารุสซาลามและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน-วันที่ ๑ ธันวาคมตามคำเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดี ฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์ แห่งบรูไนและประธานาธิบดีเต็งเส่งแห่งเมียนมาร์ การเยือนเหล่านี้เป็นการยืนยันว่า เวียดนามให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์กับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งแสดงความประสงค์ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับประเทศดังกล่าวให้เข้าสู่ส่วนลึกยิ่งขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของแต่ละประเทศ
( VOVworld )-ท่านเจืองเติ้นซางประธานประเทศพร้อมภริยาจะเดินทางไปเยือนบรูไน ดารุสซาลามและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน-วันที่ ๑ ธันวาคมตามคำเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดี ฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์ แห่งบรูไนและประธานาธิบดีเต็งเส่งแห่งเมียนมาร์ การเยือนเหล่านี้เป็นการยืนยันว่า เวียดนามให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์กับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งแสดงความประสงค์ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับประเทศดังกล่าวให้เข้าสู่ส่วนลึกยิ่งขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของแต่ละประเทศ
|
ท่านเจืองเติ้นซางประธานประเทศพเยือนบรูไนและเมียนมาร์
|
การเยือนบรูไนของประธานประเทศท่านเจืองเติ้นซางตั้งแต่วันที่ ๒๗ – ๒๙ พฤศจิกายนมีขึ้นในขณะที่ทั้งสองประเทศกำลังฉลองครบรอบ ๒๐ ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี ๒๐๑๒ นี้ที่กำลังเป็นไปอย่างดีงาม นับตั้งแต่สองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี ๑๙๙๒ เวียดนามและบรูไนได้มีการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนไปมาเยี่ยมเยือนและพบปะกันอยู่เสมอ โดยท่านเหงวียนเติ้นหยุงนายกฯได้เดินทางไปเยือนบรูไน ดารุสซาลามเมื่อปี ๒๐๐๗ ส่วนสมเด็จพระราชาธิบดี ฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์ แห่งบรูไนได้เดินทางมากรุงฮานอยเพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ ๑๖ เมื่อเดือนเมษายน ๒๐๑๐ และการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ ๑๗ เมื่อเดือนตุลาคมในปีเดียวกัน ส่วนท่านฝ่ามบิ่งมิงห์ รมว.ต่างประเทศเวียดนามได้เดินทางไปเยือนบรูไน ดารุสซาลามเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี ๒๐๑๒
สำหรับด้านการค้านั้นยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร โดยมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศคิดเป็นเพียงไม่กี่ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ส่วนในด้านการลงทุน จนถึงเดือนกันยายนปี ๒๐๑๒ บรูไนอยู่อันดับที่ ๑๒ ในจำนวนประเทศและดินแดนที่เข้ามาลงทุนในเวียดนาม ด้วย ๑๒๙ โครงการ รวมเงินทุนจดทะเบียน ๔ พัน ๙๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนเวียดนามมีโครงการลงทุนในบรูไน ๑ โครงการเท่านั้น ในด้านการศึกษา วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ความร่วมมือระหว่างสองประเทศยังมีจำกัด โดยส่วนใหญ่ผ่านโครงการร่วมมือพหุภาคี ทางด้านการกลาโหม ในหลายปีที่ผ่านมา สองประเทศเวียดนามและบรูไนได้มีความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่ยังอยู่ในระดับการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทหารระดับต่างๆเพื่อขยายความเข้าใจ การสร้างสรรค์ความเชื่อมั่นและการศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมมือระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศที่เอื้อประโยชน์ให้แก่สองฝ่าย สองประเทศได้ลงนามในบันทึกช่วยจำเพื่อความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านกลาโหม การเปิดสำนักงานตัวแทนทูตทหารในแต่ละประเทศ ส่วนในด้านความมั่นคง แม้ว่ากระทรวงรักษาความมั่นคงทั่วไปของเวียดนามและสำนักงานที่เกี่ยวข้องของบรูไนมีความร่วมมือกันเป็นประจำแต่ยังไม่สามารถปฏิบัติความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมได้ ซึ่งความร่วมมือส่วนใหญ่ผ่านฟอรั่มความร่วมมือหลายฝ่ายเช่น ฟอรั่มความมั่นคงของภูมิภาคหรือ เออาร์เอฟ องค์การตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพลและองค์การตำรวจอาเซียนหรืออาเซียนโพล ดังนั้น การเยือนบรูไนของประธานประเทศท่านเจืองเติ้นซางจะเป็นการยืนยันนโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายของเวียดนามที่ให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือในหลายด้านกับบรูไน อีกทั้งเป็นโอกาสให้ผู้นำทั้งสองประเทศแลกเปลี่ยนแนวทางการกระชับความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือในหลายด้านระหว่างเวียดนามกับบรูไนให้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น
ต่อจากบรูไน ท่านเจืองเติ้นซางจะไปเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์เป็นเวลา ๓ วันตั้งแต่วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน – วันที่ ๑ ธันวาคม เพื่อแลกเปลี่ยนมาตรการที่กว้างลึกมากขึ้นเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับเมียนมาร์ให้เก้าเข้าสู่ระยะใหม่ โดยเน้นผลักดันความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน จนถึงเดือนกันยายนปี ๒๐๑๒ มูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างเวียดนามกับเมียนมาร์บรรลุประมาณ ๑๖๐ ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๙ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี ๒๐๑๑ แม้ว่า ทั้งสองประเทศได้มีความพยายามขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจเช่น เปิดเส้นทางบินตรง ส่งเสริมการจัดงานแสดงสินค้าในแต่ละประเทศเพื่อกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคของทั้งสองประเทศ แต่เมื่อมองในภาพรวมแล้ว ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนระหว่างเวียดนามกับเมียนมาร์ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควรและยังไม่เท่าเทียมกับศักยภาพของสองประเทศ เวียดนามและเมียนมาร์กำลังส่งเสริมความร่วมมือและสร้างความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้องระหว่างจังหวัดและนครของสองประเทศเพื่อผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจในด้านที่เป็นจุดแข็งของแต่ละฝ่าย ยกตัวอย่างเช่น จังหวัดบ่าเหรียะ-หวุงเต่ากำลังเร่งร่วมมือและสร้างความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้องกับรัฐตะนาวศรีในด้านการประมง เพาะเลี้ยงและแปรรูปสัตว์น้ำ ส่วนจังหวัดอานยางกำลังเร่งสร้างความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้องกับรัฐอิระวดีในการปลูกข้าว การเพาะเลี้ยงและแปรรูปสัตว์น้ำ นอกจากนี้ นครโฮจิมินห์ของเวียดนามกับกรุงย่างกุ้งของเมียนมาร์ได้ลงนามในบันทึกช่วยจำเพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับการสถาปนาความสัมพันธ์มิตรภาพระหว่างสองเมืองใหญ่ ในด้านป่าไม้ เครือบริษัทยางพาราเวียดนามกำลังศึกษาวิจัยดำเนินโครงการปลูกยางพาราในพื้นที่ ๒ แสนเฮ็กต้าร์ในเมียนมาร์ แต่ยังไม่สามารถลงนามในข้อตกลงร่วมมือลงทุนเนื่องจากยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับสถานที่ทำการปลูก สองประเทศได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเมื่อปี ๑๙๙๔ แต่ในทางปฏิบัติยังมีข้อจำกัดทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างเวียดนามกับเมียนมาร์ยังมีน้อยมาก อาจจะกล่าวได้ว่า แม้ว่า เวียดนามและเมียนมาร์ได้ลงนามในข้อตกลงร่วมมือหลายฉบับแต่ในทางปฏิบัติยังมีข้อจำกัดจึงส่งผลกระทบต่อความร่วมมือระหว่างสองประเทศ โดยความร่วมมือส่วนใหญ่เป็นไปในรูปแบบแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญและประสบการณ์
ด้วยเหตุนี้ การเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ของท่านเจืองเติ้นซางประธานประเทศเวียดนามในครั้งนี้ ผู้นำของทั้งสองประเทศจะแลกเปลี่ยนมาตรการที่จำเป็น แปรความตั้งใจอันแน่วแน่ของผู้นำทั้งสองประเทศให้เป็นรูปธรรมตลอดจนการผลักดันความร่วมมือในหลายด้านเช่น การค้า การลงทุน ความร่วมมือทางทะเล การเกษตรและการประมง ปีโตรเลียม แรงงานและการก่อสร้าง ท่านเจืองเติ้นซางกับบรรดาผู้นำเมียนมาร์ยังจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศและภูมิภาคที่ต่างให้ความสนใจ การเยือนเมียนมาร์ครั้งนี้จะมีส่วนร่วมกระชับความสัมพันธ์มิตรภาพที่มีมาช้านานและความร่วมมือในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับเมียนมาร์ให้พัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ ./.
Huyen-VOV5