เวียดนามให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคต่อไป

(VOVWORLD) - ในการประชุมสภาแห่งชาติครั้งที่ 4 สมัยที่ 14 บรรดาผู้แทนสภาแห่งชาติกำลังเน้นหารือถึงมาตรการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมในเวลาที่จะถึง โดยสมาชิกสภาแห่งชาติได้ชื่นชมรัฐบาลที่ได้บริหารเศรษฐกิจบนพื้นฐานของการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งเป็นเนื้อหาที่ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ เพื่อสร้างพื้นฐานให้แก่ขยายตัวอย่างยั่งยืนในระยะต่อไป
เวียดนามให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคต่อไป - ảnh 1เวียดนามให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคต่อไป (Internet) 

 

ตามรายงานของรัฐบาล คาดว่า เป้าหมายทั้งหมด 13 เป้าหมายของปี 2017 ที่ถูกระบุในมติของสภาแห่งชาติจะบรรลุตามแผนการที่วางไว้ ที่น่าสนใจคือ อัตราการขยายตัวมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ร้อยละ 14.4 อัตราการขยายตัวจีดีพีอยู่ที่ร้อยละ 6.7 และการขยายตัวซีพีไอเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 4 เศรษฐกิจเวียดนามกำลังมีสัญญาณที่น่ายินดีทั้งในด้านการผลิตและการส่งออก บรรยากาศการประกอบธุรกิจและขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจได้รับการปรับปรุงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นพื้นฐานที่มั่นคงเพื่อสร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจสังคมในปีต่อๆไป

 รัฐบาลบริหารเศรษฐกิจอย่างคล่องตัว

ผลงานที่ได้บรรลุนั้นมาจากความพยายามเป็นอย่างมากของรัฐบาลในการชี้นำและบริหาร เพื่อให้เศรษฐกิจมีความคล่องตัวและเป็นฝ่ายรุกเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ รักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคและผลักดันการขยายตัว บรรดาผู้แทนสภาแห่งชาติได้ชื่นชมมาตรการต่างๆของรัฐบาลเพื่อปรับปรุงบรรยากาศการลงทุน แก้ไขอุปสรรค์ในการผลิต การประกอบธุรกิจ การขยายตลาดส่งออก การใช้ความได้เปรียบในข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ นาย เหงวียนหงอกเฟือง รองหัวหน้าคณะผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดกว๋างบิ่งห์ ได้เผยว่า “นายกรัฐมนตรีได้มีแนวทางมาตรการต่างๆเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ ที่น่าสนใจคือ การสนทนากับสถานประกอบการและมีนโยบายใหม่ๆเพื่ออำนวยความสะดวกให้สถานประกอบการพัฒนา ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่คล่องตัวในการพัฒนาเศรษฐกิจ”

รัฐบาลยังสั่งให้กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นปฏิบัติมาตรการต่างๆอย่างเคร่งครัดและพร้อมเพรียง ตั้งแต่การตรวจสอบ การปรับปรุงนโยบายและกฎหมายให้มีความสมบูรณ์ ปรับปรุงระเบียบราชการให้มีความกระทัดรัด การใช้พลังทุกแหล่งทั้งภายในและต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อพัฒนารวมถึงการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของสถานประกอบการ

เปลี่ยนแปลงรูปแบบการขยายตัว

การบรรลุผลงานที่น่ายินดีในการขยายตัวได้แสดงให้เห็นว่า การปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ ควบคู่กับการเปลี่ยนแปลงใหม่รูปแบบการขยายตัวได้เกิดประสิทธิผลในเบื้องต้น และค่อยๆลดการพึ่งพาแหล่งทรัพยากรต่างๆ นาย หว่างวันเกื่อง สมาชิกคณะผู้แทนสภาแห่งชาติกรุงฮานอยได้เผยว่า “ที่ผ่านๆมา การขยายตัวส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการใช้ทรัพยากรเหมืองแร่ จนถึงปี 2017 การใช้ทรัพยากรเหมืองแร่มีแนวโน้มลดลง แต่อัตราการขยายตัวด้านเศรษฐกิจได้เพิ่มขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พวกเราได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขยายตัวตามแนวทางไม่พึ่งพาแต่แหล่งทรัพยากรธรรมชาติ หากใช้แหล่งพลังอีกด้วย เช่นการบริการ การเกษตรและอุตสาหกรรม”

สมาชิกสภาแห่งชาติได้ย้ำถึงการปฏิบัติโครงการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ หน่วยงานและด้านต่างๆแบบบูรณาการต่อไป โดย 3 ด้านหลักที่ถูกระบุ ประกอบด้วยการปรับปรุงโครงสร้างการลงทุนภาครัฐ การปรับปรุงโครงสร้างระบบการเงิน-ธนาคารและสถานประกอบการภาครัฐซึ่งถือว่า มีความจำเป็นต่อสภาพเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวอย่างมีประสิทธิภาพในปัจจุบัน นาย บุ่ยวันเฟือง รองหัวหน้าคณะสมาชิกสภาแห่งชาติจังหวัดนิงบิ่งห์ได้เผยว่า “เนื้อหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆคือการควบคุมภาวะเงินเฟ้อและรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค ผมเห็นว่า นี่คือสิ่งที่จำเป็นเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นการขยายตัวควรอยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อเน้นปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ ถ้าหากพวกเราเน้นแต่การขยายตัวด้านเศรษฐกิจ แต่ละเลยไม่ให้ความสนใจถึงการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคก็จะได้แต่ประโยชน์ในระยะสั้นเท่านั้น และจะเกิดความไร้เสถียรภาพในระยะกลางและระยะยาว ผมเห็นว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะสามารถปฏิบัติเป้าหมายการขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 6.5-6.7 ในปี 2018”

ในการหารือในที่ประชุมสภาแห่งชาติเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจสังคม สมาชิกสภาแห่งชาติได้แสดงความคิดเห็นที่มีความรับผิดชอบในระดับสูง โดยสภาแห่งชาติกำลังกำหนดและปฏิบัติเป้าหมายรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคและธำรงการขยายตัวด้านเศรษฐกิจเพื่อนำประเทศพัฒนาก้าวรุดหน้าไป.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด