การที่โฆษกข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้กล่าวหาเวียดนามว่า “ใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม รวมทั้งสตรีและเด็ก” ถือเป็นคำกล่าวหาที่ไร้มูลความจริง ไม่ถูกต้อง เป็นการมองที่ขาดภาวะวิสัยและไม่มีเจตนาดี

จากเหตุการณ์ดังกล่าวได้พบว่าในการชุมนุมต่างๆที่อ้างเพื่อ “อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม”ในเวียดนามมีฝ่ายที่เป็นอริหนุนหลังอยู่ด้วย รวมทั้งกลุ่มก่อการร้ายเวียดเติน ซึ่งเคยวางแผนยุยงก่อความไม่สงบและพยายามทำรัฐประหารในเวียดนาม โดยมีการติดต่อกับบุคคลทั้งภายในและต่างประเทศเพื่อใช้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในจังหวัดต่างๆภาคกลางเวียดนามปลุกปั่นให้ประชาชน รวมทั้งเด็กและผู้ที่มีประวัติอาชญากรรมก่อเหตุประท้วง นอกจากนี้ยังมีการเตรียมพร้อมการสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วง มีการจ้างวานกลุ่มผู้ประท้วง มีการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์เพื่อปลุกปั่นให้ประชาชนกระทำการที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะการขัดขวางการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ดังนั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจึงได้จับกุมตัวบุคคลสองคนที่รับเงินจากองค์กรเวียดเตินเพื่อจัดทำและเผยแพร่เอกสารและภาพถ่ายที่ใส่ร้ายป้ายสีและปลุกปั่นให้ประชาชนชุมนุมประท้วงทางการเวียดนาม โดยมีเป้าหมายที่แท้จริงคือ ขัดขวางการเลือกตั้งผู้แทนรัฐสภาสมัยที่ 14 และสภาประชาชนทุกระดับวาระปี 2016-2021 ที่จะมีขึ้นในเร็วๆนี้และสร้างความไร้เสถียรภาพด้านความมั่นคงและการเมืองในเวียดนาม

ในความเป็นจริง เวียดนามให้ความเคารพและปกป้องสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน รวมถึงสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมและแสดงความคิดเห็นที่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญปี 2013 และธรรมเนียมปฏิบัติสากลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง หลังจากที่ได้เข้าเป็นสมาชิกของสหประชาชาติเมื่อปี 1977 เวียดนามได้ให้ภาคียานุวัติอนุสัญญาระหว่างประเทศต่างๆเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน เช่น อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วย การขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม อนุสัญญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิด้านพลเรือนและการเมือง อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของเด็ก อนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ นอกจากนี้ เวียดนามยังประกาศมติและมาตรการที่สอดคล้องกับกฎหมายเวียดนามและธรรมเนียมปฏิบัติสากลเพื่อรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ สตรีและเด็ก เวียดนามยังเป็นสมาชิกของสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติวาระปี 2014-2016 และมีความร่วมมือด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเข้มแข็งในกรอบประชาคมประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส เข้าร่วมกรอบความร่วมมือระดับภูมิภาคเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน รวมทั้งคณะกรรมการร่วมรัฐบาลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนอาเซียน นอกจากผลสำเร็จที่น่ายกย่องด้านสิทธิมนุษยชนแล้ว เวียดนามยังเป็นฝ่ายรุกในการจัดทำร่างรายงานการตรวจสถานการณ์ประจำของสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับการปฏิบัติสิทธิมนุษยชนในเวียดนาม เข้าร่วมการสนทนาด้านสิทธิมนุษยชนกับสหรัฐ ออสเตรเลีย สวิสเซอร์แลนด์และอียูอยู่เสมอ การให้ความเคารพและค้ำประกันสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนเวียดนามได้รับการปฏิบัติอย่างแท้จริงและได้รับคำชื่นชมจากประชาคมระหว่างประเทศ

อนุสัญญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิด้านพลเรือนและการเมืองที่เวียดนามให้ภาคียานุวัติเมื่อวันที่ 24 กันยายนปี 1982 ได้ระบุว่า สิทธิและเสรีภาพของประชาชนต้องได้รับการปฏิบัติในกรอบของกฎหมายไม่ส่งผลกระทบต่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในชุมชน ความมั่นคงของประเทศ คุณธรรมและสุขภาพของชุมชน ตลอดจนสิทธิและผลประโยชน์ของบุคคลต่างๆ ซึ่งหมายความว่า การปฏิบัติสิทธิเสรีภาพของพลเมืองและข้อจำกัดต่างๆต้องถูกระบุในกฎหมายของแต่ละประเทศอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน เพราะแต่ละประเทศต้องพิจารณาสถานการณ์ความเป็นจริงในการจัดทำกฎหมายและมาตรการแก้ไขสำหรับการปฏิบัติสิทธิเสรีภาพของพลเมือง เพื่อสามารถยืนยันว่า สิทธิเสรีภาพของพลเมืองได้รับการเคารพและค้ำประกันโดยรัฐผ่านรัฐธรรมนูญและกฎหมายเวียดนาม

ดังนั้น มาตรการแก้ไขปัญหาการชุมนุมในเวลาที่ผ่านมาของรัฐเวียดนามก็เพื่อธำรงเสถียรภาพทางการเมืองและสังคม ปกป้องชีวิตที่สงบสุขของประชาชน ทุกปฏิบัติการที่ละเมิดกฎหมาย เป็นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนและผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานของประเทศใดประเทศหนึ่งต้องถูกลงโทษอย่างเด็ดขาดตามกฎหมายของประเทศนั้น

ทั้งนี้และทั้งนั้นได้แสดงให้เห็นว่า คำประกาศของโฆษกข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับการชุมนุมในเวียดนามถือเป็นความผิดพลาด เพราะเป็นการใส่ร้ายป้ายสีเกี่ยวกับปัญหาสิทธิมนุษยชนในเวียดนาม และเป็นการมองปัญหาอย่างขาดภาวะวิสัย ซึ่งสมควรถูกประณามและไม่ได้รับการยอมรับจากเวียดนามและประชาคมระหว่างประเทศ.