การปฏิบัติภารกิจของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง มีความหมายที่สำคัญ เป็นการแสดงให้เห็นถึงแนวทางของเวียดนามเกี่ยวกับการขยายตัวแห่งสีเขียว การรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ยืนยันบทบาทและสถานะของเวียดนามในกรอบความร่วมมือในภูมิภาคและโลก เสริมสร้างความไว้วางใจทางการเมือง ยกระดับประสิทธิภาพความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และตุรกี
เป็นฝ่ายรุกและมีส่วนร่วมต่อการแก้ไขความท้าทายร่วมระดับโลก
การประชุมสุดยอดเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศอยู่ในกรอบการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือ COP ครั้งที่ 28ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 1 -2 ธันวาคม ณ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นกิจกรรมพหุภาคีที่สำคัญที่สุดในปี 2023 เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพูมิอากาศ ซึ่งถูกจัดขึ้นในสภาวการณ์ที่การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในโลกนับวันรุนแรงมากขึ้น ซึ่งประเทศต่างๆ ต้องหปฏิบัติมาตตการต่าง ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ถูกระบุในข้อตกลงปารีสเกี่ยวกับการรักษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส ลดช่องว่างระหว่างการปฏิบัติคำมั่นต่างๆเกี่ยวกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การสมทบเงิน ให้ความช่วยเหลือประเทศที่กำลังพัฒนาต่างๆในการแก้ไขผลเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
นาย โด๋หุ่งเวียด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามเผยว่า ผ่านการเข้าร่วมการประชุม COP 28 เวียดนามตั้งความหวังว่า การประชุมนี้จะบรรลุก้าวเดินต่างๆ โดยเฉพาะใน 4 ด้านที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ หนึ่งคือ ประเทศต่างๆจะมีปฏิบัติการที่เข้มแข็งเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปรับเปลี่ยนด้านพลังงานอย่างยั่งยืนและเท่าเทียมกัน สองคือ ประเทศที่พัฒนาปฏิบัติคำมั่นของตน โดยเฉพาะการสมทบเงิน ให้ความช่วยเหลือในการถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่ประเทศที่กำลังพัฒนาในกระบวนการนี้ ซึ่งประกอบด้วยการปฏิบัติคำมั่นเกี่ยวกับการระดมเงินทุน 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีและเพิ่มคำมั่นจนถึงปี 2025 และ 2030 สามคือให้ความสนใจต่อการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ กำหนดกรอบเป้าหมายการปรับตัวของโลกอย่างชัดเจนและมีความเป็นไปได้ในการปฏิบัติ สี่คือดำเนินงานกองทุนชดเชยความสูญเสียและเสียหายเพื่อมีแหล่งเงินทุนใหม่เพื่อช่วยเหลือประเทศที่กำลังพัฒนาและประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
ที่เวียดนาม หลังจากที่นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้งประกาศคำมั่นของเวียดนามเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ในการประชุม COP 26 เมื่อปี 2021 รัฐบาลได้ร่วมกับกระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆของเวียดนามมีปฏิบัติการที่เคร่งครัดและเป็นรูปธรรมเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ โดยอนุมัติแผนการพัฒนาระบบไฟฟ้า 8 ผ่านการยกระดับสถานะและส่วนร่วมของพลังงานหมุนเวียนในแผนการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของเวียดนาม เวียดนามยังเข้าร่วมแถลงการณ์เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนด้านพลังงานที่เป็นธรรมกับหุ้นส่วนระหว่างประเทศต่างๆ โดยดึงดูดแหล่งพลังให้แก่การปรับเปลี่ยนด้านพลังงานที่เป็นธรรมในเวียดนา คาดว่า ในการประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้งจะประกาศความคิดริเริ่มและคำมั่นต่างๆของเวียดนามเพื่อร่วมกับประชาคมโลกรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในเวลาที่จะถึง
กระชับความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และระหว่างเวียดนามกับประเทศต่างๆในอ่าวเปอร์เซีย
จากการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ เวียดนามได้ยืนยันการสนับสนุนที่เข้มแข็งต่อสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นประเทศเจ้าภาพของการประชุม COP 28 ในเวลาที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างสองประเทศได้พัฒนาอย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพ
ผู้นำเวียดนามและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้เห็นพ้องเกี่ยวกับจุดยืนพัฒนาความสัมพันธ์ร่วมมือในทุกด้าน โดยเฉพาะเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเสาหลักและจุดเด่นของความสัมพันธ์ร่วมมือทวิภาคี ปัจจุบัน เวียดนามติดท็อป 10 หุ้นส่วนนำเข้าที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส่วนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนามในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยมูลค่าการค้าต่างตอบแทนในหลายปีที่ผ่านมาอยู่ที่เกือบ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและใน 10 เดือนที่ผ่านมาของปี 2023 อยู่ที่เกือบ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งสองประเทศกำลังผลักดันการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ในทุกด้าน หรือ CEPA ซึ่งการลงนามข้อตกลง CEPA มีความหมายที่ยิ่งใหญ่ เป็นนิมิตหมายที่สำคัญของความสัมพันธ์ร่วมมือมิตรภาพระหว่างเวียดนามกับประเทศต่างๆในอ่าวเปอร์เซีย โดยเฉพาะกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ในกรอบการเยือนนี้ นอกจากการพบปะกับผู้นำประเทศต่างๆแล้ว นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้งจะเข้าร่วมฟอรั่มต่างๆ พบปะกับสถานประกอบการ กองทุนเพื่อการลงทุนชั้นนำของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพื่อมีส่วนร่วมขยายตลาดการส่งออกให้แก่เวียดนาม
ผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับตุรกี
ในการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้งจะเดินทางไปเยือนตุรกีเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีความหมายทสำคัญในโอกาสที่ทั้งสองประเทศรำลึกครบรอบ 45 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ทั้งสองประเทศได้มีความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือในหลายด้าน เช่น การเมือง เศรษฐกิจ การค้า การศึกษาและวัฒนธรรม ตุรกีถือเวียดนามเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญชั้นนำในอาเซียน ตุรกีเป็นตลาดใหญ่และมีศักยภาพเพื่อพัฒนาในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยต้องการนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุดแข็งของเวียดนามและเป็นหุ้นส่วนการค้าที่สำคัญ เป็นตลาดส่งออกรายใหญ่อันดับสองของเวียดนามในภูมิภาคตะวันออกกลาง ต่อจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อปี 2022 มูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างสองประเทศอยู่ที่ 1.65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและทั้งสองฝ่ายกำลังพยายามบรรลุเป้าหมายการเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนขึ้นเป็น 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเวลาที่จะถึง
ในสภาวการณ์ดังกล่าว การปฏิบัติภารกิจนี้ของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง มีความหมายที่สำคัญ เป็นการยืนยันความรับผิดชอบของเวียดนามในกรอบควาพพยายามร่วม สร้างก้าวกระโดด กระชับความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เวียดนามกับประเทศต่างๆในอ่าวเปอร์เซีย โดยเฉพาะกับประเทศตุรกี.