(VOVworld) – วันที่ 5 มิถุนายน ครบรอบ 105 ปีวันประธานโฮจิมินห์ออกเดินทางแสวงหาหนทางกู้ชาติในต่างประเทศ ซึ่งในตอนนั้น สัมภาระที่ท่านนำติดตัวในการเดินทางมีแค่สองมือเปล่าพร้อมความรักชาติอันไพศาสและสิ่งที่ท่านได้นำกลับมาคืออนาคตที่สดใสให้แก่ประเทศชาติเวียดนาม ในโอกาสรำลึกเหตุการณ์ที่สำคัญนี้ ทางสถานีวิทยุเวียดนามของเสนอบทความ “เส้นทางการแสวงหาหนทางกู้ชาติให้แก่ประเทศเวียดนาม”

เรือ Amiral Latouche Treville

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนปี 1911 ประธานโฮจิมินห์ได้ลงเรือ Amiral Latouche Treville จากท่าเรือหญ่าโหร่งในนครโฮจิมินห์เพื่อออกเดินทางแสวงหาหนทางกู้ชาติ และเนื่องจากอยากศึกษาและสัมผัสให้รู้จริงถึงระบบทุนนิยม ประธานโฮจิมินห์ได้เลือกไปยังประเทศในยุโรป ซึ่งเป็นสถานที่กำเนิดแนวคิดใหม่ๆและการปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่ด้วยความปรารถนาว่า จะศึกษาประเทศฝรั่งเศสและประเทศต่างๆโดยตรงเพื่อนำสิ่งที่เป็นประโยชน์กลับมาช่วยเหลือประเทศชาติ
การเริ่มต้นที่ถูกต้อง
วันที่ 5 มิถุนายนปี 1911 เป็นการเริ่มต้นการเดินทางในต่างประเทศที่ยาวนานถึง 30 ปีของประธานโฮจิมินห์เพื่อแสวงหาหนทางกู้ชาติ นางเหงียนถวี๊ดึ๊ก รักษาการผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์เผยว่า ความรักชาติและแนวคิดเกี่ยวกับการต่อต้านจักรวรรดินิยมของประธานโฮจิมินห์มีพื้นฐานมาจากความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน “ในขณะที่เดินทางแสวงหาหนทางกู้ชาติ ท่านประธานโฮจิมินห์ได้นำสิ่งที่ล้ำค่าไปด้วย นั่นคือความรักประเทศเวียดนามและเกียรติประวัติแห่งการปฏิวัติของถิ่นเกิด ซึ่งได้ถูกปลูกฝั่งส่งเสริมและพัฒนาในทุกครอบครัว โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดในเส้นทางแสวงหาหนทางกู้ชาติของประธานโฮจิมินห์คือ พลังวัยเยาว์และความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ พร้อมทั้งสร้างความกลมกลืนกับโลกเพื่อการพัฒนา ประธานโฮจิมินห์ได้เริ่มเส้นทางของตนด้วยการเข้าถึงชนชั้นแรงงานเพื่อมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสิทธิของมนุษย์และสิทธิของประชาชาติที่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”
จนถึงขณะนี้ เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ต้องทำงานหนักในฐานะผู้ช่วยห้องครัวบนเรือ เป็นช่างภาพ คนงานกวาดหิมะหรือบริกร เป็นต้น ยังคงสร้างความตราตรึงใจให้แก่ทุกคน ซึ่งเพื่อสามารถแสวงหาและนำอนาคตที่สดใสมาให้แก่ประเทศ ท่านประธานโฮจิมินห์ก็ต้องฝันฝ่าอุปสรรคต่างๆ โดยเฉพาะการใช้อิฐอังไฟเพื่อให้ความอบอุ่นยามค่ำคืนคลายความหนาวในทวีปยุโรปเพราะไม่มีเตาผิงแต่ท่านไม่เคยย่อท้อต่อความยากลำบากบนเส้นทางของการเดินทางแสวงหาหนทางกู้ชาติ

ท่าเรือหญ่าโหร่งในนครโฮจิมินห์

ถือประโยชน์ของประชาติและประเทศเหนือกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว
ศ.ดร.หวูมิงห์ยาง ประธานสภาวิทยาศาสตร์และการฝึกอบรมมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอยเผยว่า ความมุ่งมั่นและความตั้งใจโดยเฉพาะการตระหนักถึงการถือประโยชน์ของประชาชาติและประเทศเหนือกว่าผลประโยชน์ส่วนตัวได้ช่วยให้ประธานโฮจิมินห์สามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆในตลอด 30 ปีที่ห่างไกลประเทศชาติ “ปัจจัยสำคัญของความสำเร็จในการแสวงหาหนทางกู้ชาติคือ ประชาชาติ ในการประชุมสมัชชาใหญ่เพื่อจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ฝรั่งเศสเมื่อปี 1920 ท่านได้ใช้ชื่อว่าเหงียนอ๊ายก๊วก หมายถึงผู้รักชาติและได้กล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมโดยสนับสนุนองค์การคอมมิวนิสต์สากล 3 และแนวความคิดมาร์คที่สนับสนุนประชาชาติที่เป็นอาณานิคม รวมทั้งประเทศเวียดนามของท่าน อาจกล่าวได้ว่า ถ้าหากทฤษฏีดีแต่ไม่สนับสนุนประชาชาติที่เป็นอาณานิคม ท่านเหงียนอ๊ายก๊วกก็จะไม่เลือกลัทธิมาร์ค ดังนั้นปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือท่านรักประเทศและทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของประชาชาติ”
หลังการเคลื่อนไหวปฏิวัติในต่างประเทศมาเป็นเวลาหลายปี ประธานโฮจิมินห์ได้กลายเป็นผู้วางเส้นทางให้แก่ประชาชาติและวันที่ 5 มิถุนายนปี 1911 ได้มีความหมายสำคัญในประวัติศาสตร์ของประชาชาติเวียดนาม ดร.เลดิ่งนัม รองคณบดีแนวความคิดโฮจิมินห์สังกัดสถาบันการสื่อสารและประชาสัมพันธ์เผยว่า เส้นทางเอกราชของประชาชาติที่ผนึกแน่นกับลัทธิสังคมนิยมที่ประธานโฮจิมินห์ได้เลือกเฟ้นเป็นเส้นทางเดียวที่ถูกต้อง ซึ่งค้ำประกันให้ประชาชาติเวียดนามมีเอกราชอย่างแท้จริง ประเทศเวียดนามมีการพัฒนาอย่างมีเสถียรภาพ เจริญรุ่งเรืองและประชาชนเวียดนามมีชีวิตความเป็นอยู่ที่อิ่มหนำผาสุก ดังนั้น ท่านประธานโฮจิมินห์ถือเป็นแบบอย่างสำหรับทุกคน ดร.เลดิ่งนัมยืนยันว่า “พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามตระหนักได้ดีเกี่ยวกับสถานะและบทบาทแนวคิดของประธานโฮจิมินห์โดยเฉพาะได้เห็นว่า ไม่เพียงแต่ควรศึกษาเกี่ยวกับแนวความคิดโฮจิมินห์เท่านั้น หากยังต้องศึกษาแบบอย่างคุณธรรมของท่านอีกด้วย ซึ่งมีความสำคัญมากในชีวิตประจำวัน”
การเลือกเฟ้นอย่างถูกต้องและส่วนอุทิศที่ยิ่งใหญ่ของประธานโฮจิมินห์ในตลอด 30 ปีที่แสวงหาหนทางกู้ชาติได้ช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจให้แก่ประชาชาติเวียดนามในการเดินบนเส้นทางแห่งเอกราชของประชาชาติและสังคมนิยมต่อไป ก้าวเดินบนเส้นทางที่ท่านประธานโฮจิมินห์ได้เลือกไว้อย่างมั่นคงเพื่อการผลักดันภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศและพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความไว้วางใจเท่านั้น หากยังเป็นการปฏิบัติของประชาชนเวียดนามแต่ละคนในชีวิตประจำวันอีกด้วย.