เส้นทางสนทนาระหว่างยูเครนกับรัสเซียค่อยๆแคบลง

(VOVworld) –  ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับยูเครนกำลังเข้าสู่โค้งที่อันตราย โดยไม่สนใจต่อแถลงการณ์ที่มีเจตนาดีของผู้นำทั้งสองประเทศหลังจากที่ยูเครนมีประธานาธิบดีคนใหม่ ความผันผวนในปัจจุบันแสดงให้เห็นว่า ความอดกลั้นของทุกฝ่ายค่อยๆหายไปและทำให้ความสัมพันธ์ใกล้เข้าสู่การพิพาทอย่างรุนแรง

(VOVworld)–ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับยูเครนกำลังเข้าสู่โค้งที่อันตราย โดยไม่สนใจต่อแถลงการณ์ที่มีเจตนาดีของผู้นำทั้งสองประเทศหลังจากที่ยูเครนมีประธานาธิบดีคนใหม่ ความผันผวนในปัจจุบันแสดงให้เห็นว่า ความอดกลั้นของทุกฝ่ายค่อยๆหายไปและทำให้ความสัมพันธ์ใกล้เข้าสู่การพิพาทอย่างรุนแรง

เส้นทางสนทนาระหว่างยูเครนกับรัสเซียค่อยๆแคบลง - ảnh 1
การชุมนุมด้านหน้าสถานทูตรัสเซียประจำกรุงเคียฟ ( Photo: Reuters)

การกระทำที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมีความตึงเครียดยิ่งขึ้นคือเมื่อวันที่๑๗เดือนนี้ รัสเซียได้ยื่นเสนอมติเกี่ยวกับยูเครนต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติโดยประณามการยิงปืนใหญ่โดยเฉพาะ ในภาคตะวันออกยูเครน เรียกร้องให้ยุติการใช้ความรุนแรง และการหยุดยิงเพื่อทำการสนทนาและเปิดการสอบสวนเกี่ยวกับการเสียชีวิตของผู้สื่อข่าวรัสเซีย๒คนในยูเครน

ในวันเดียวกัน รัฐสภายูเครนได้ตอบโต้ด้วยการอนุมัติเกี่ยวกับการขยายการควบคุมเขตชายแดนทางทิศตะวันออกติดกับรัสเซียซึ่งตามนั้น ในเวลา๑เดือน  สำนักงานชายแดนยูเครนได้เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่เพื่อเพิ่มความเข้มงวดการควบคุมเขตชายแดนนี้ รวมทั้งเขตที่ไม่มีการสู้รบ นอกจากนี้ ยูเครนยังสั่งให้กองกำลังที่เกี่ยวข้องเตรียมทำการปักปันพรมแดนที่ติดกับรัสเซียฝ่ายเดียว พิจารณาถึงการห้ามรับสัญญาณโทรทัศน์อีก๔ช่องของรัสเซียทำให้จำนวนช่องโทรทัศน์ของรัสเซียที่ถูกห้ามเผยแพร่ในยูเครนเพิ่มขึ้นเป็น๘ช่อง นอกจากนี้ นายเปโตร โปโรแชนโกประธานาธิบดียูเครนยังออกคำสั่งห้ามร่วมมือด้านอุตสาหกรรมทหารกับรัสเซีย

ความสัมพันธ์นับวันยิ่งเย็นชา

ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านรัสเซียและยูเครนนับวันยิ่งเย็นชาหลังจากที่มอสโคว์ยืนกรานตัดการลำเลียงก๊าซให้แก่ยูเครน ท่ามกลางความตึงเครียดดังกล่าว การเดินขบวน การบุกโจมตีสถานทูตรัสเซียประจำกรุงเคียฟดุจเป็นการเอาน้ำมันราดกองไฟทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเลวร้ายลงจนอยู่ในระดับต่ำที่สุดในหลายปีที่ผ่านมา  ฝ่ายมอสโคว์ได้กล่าวหาตำรวจยูเครนที่ไม่มีปฏิบัติการใดๆเพื่อขัดขวางการโจมตีและถือว่า เป็นการละเมิดหน้าที่สากลของยูเครนอย่างรุนเเรง นอกจากนี้ นายอันดรีย์ เดชชิตสยารักษาการรัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนยังก่อกรณีเอื้อฉาวในประวัติศาสตร์การทูตระหว่างสองประเทศโดยได้ใช้ถ้อยคำดูหมิ่นประธานาธิบดีรัสเซียวลาดีเมีย ปูตินด้านนอกสถานทูตรัสเซีย ณ กรุงเคียฟซึ่งภาพของเจ้าหน้าที่การทูตคนนี้ยืนร่วมในกลุ่มผู้ชุมนุมในแผนการปิดล้อมสถานทูตรัสเซียในกรุงเคียฟที่สื่อต่างๆได้รายงานสร้างกระแสการประท้วงอย่างรุนแรงในรัสเซีย

มาตรการที่ไม่อาจคาดเดาผล

อย่างไรก็ดี ในการกระทำที่ถือว่าเป็นก้าวเดินแรกเพื่อคลี่คลายความตึงเครียดกับมอสโคว์ เมื่อวันที่๑๘เดือนนี้ ประธานาธิบดียูเครนเปโตร โปโรแชนโกได้ประกาศใช้คำสั่งหยุดยิงเพียงลำพังแต่ฝ่ายเดียวและแถลงว่า พร้อมที่จะมีความผ่อนปรนต่อไปกับฝ่ายต่อต้าน รวมทั้งการปรับปรุงรัฐธรรมนูญในทุกด้านซึ่งเป็นมาตรการเพื่อกระจายอำนาจให้แก่ท้องถิ่นและให้คำมั่นว่า จะประกาศแผนสันติภาพในทุกด้าน๑๔ข้อเพื่อคลี่คลายความตึงเครียดจากการปะทะที่กำลังทวีความรุนแรงในยูเครนแต่ย้ำว่า กำหนดการหยุดยิงจะมีผลในเวลาอันสั้น

ตามบรรดานักวิเคราะห์ แผนการหยุดยิงนี้เป็นมาตรการชั่วคราว มีการวางแผนไว้แล้วเพราะคำสั่งหยุดยิงไม่รวมถึงการสนทนาหากเป็นคำเรียกร้องให้กลุ่มติดอาวุธต่างๆวางอาวุธและออกจากยูเครน   ในขณะที่ผู้นำยูเครนถือการวางอาวุธและถอนกำลังออกจากภาคตะวันออกเป็นเงื่อนไขล่วงหน้าเพื่อทำการสนทนาแต่กองกำลังแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกกลับถือว่า ข้อเสนอของนายโปโรแชนโกเป็นโมฆะ ส่วนรัสเซียก็มีความสงสัยต่อแผนการนี้และถือว่า ต้องมีคำสั่งหยุดยิงในทุกด้าน ไม่ใช่การหยุดยิงชั่วคราวและก้าวเดินต่อไปหลังการหยุดยิงคือการสนทนาแต่จากความผันผวนที่ซับซ้อนในปัจจุบัน ดูเหมือนว่า ผลของคำสั่งหยุดยิงชั่วคราวนี้ก็ออกมาให้เห็นแล้วนั่นคือ กองกำลังแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกยูเครนยังไม่ยอมวางอาวุธและรัสเซียยากที่จะโน้มน้าวใจประชาชนในภาคตะวันออกให้ปฏิบัติตามคำสั่งหยุดยิงนี้

ผิดกับแถลงการณ์หยุดยิงเพียงลำพังแต่ฝ่ายเดียว กองทัพยูเครนได้เปิดเผยแผนการซื้อรถหุ้มเกราะอีก๑พันคันเพื่อใช้ในการคว่ำบาตรภาคตะวันออกยูเครนและจะจัดตั้งหน่วยรบพิเศษในอนาคตอันใกล้ๆนี้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงของชาติ ในขณะเดียวกัน พลเอกเซอร์เกย์ ชอย์กูรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียได้แถลงว่า รัสเซียได้เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยูเครน

ในประวัติศาสตร์ ยูเครนเคยเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซีย ในด้านภูมิศาสตร์ ยูเครนมีพรมแดนติดกับมอสโคว์ที่ยาวมาก ชมรมชาวรัสเซียเป็นชนกลุ่มน้อยที่ใหญ่ที่สุดในยูเครน ทางด้านเศรษฐกิจ รัสเซียเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ที่สุดของยูเครนโดยจัดสรรก๊าซร้อยละ๖๐และวัตถุดิบถึงครึ่งหนึ่งให้แก่ยูเครนและก็เป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของยูเครน ดังนั้น  ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในยูเครนในเวลาที่ผ่านมาพร้อมกับความตึงเครียดในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ทางการทูตและความชะงักงันในปัญหาก๊าซกำลังทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมีความแตกร้าวและยากที่จะคาดเดาผลที่จะเกิดขึ้นได้ในเวลาข้างหน้า./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด