เนื้อหาหลักในการประชุมครั้งนี้คือ การระบุถึงอุปสรรค์ในระเบียบการ นโยบายและมาตรการแก้ไข จัดการข้อร้องเรียนและแก้ไขอุปสรรคให้แก่สถานประกอบการในการผลิต ประกอบธุรกิจและการปฏิบัติตามกฎหมาย ในการประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุ๊กจะเป็นสักขีพยานในการลงนามระหว่างผู้บริหารกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์กับตัวแทนหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนามหรือวีซีซีไอเกี่ยวกับการสร้างสรรค์บรรยากาศการประกอบธุรกิจที่ดีที่สุดให้แก่สถานประกอบการในท้องถิ่น

การประชุมนี้จะมีขึ้นในสองรูปแบบคือการประชุมวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์และการสนทนาโดยตรงในหอประชุม ดังนั้นคาดว่า จะมีตัวแทนสถานประกอบการนับพันคนเข้าร่วม ที่อาคารเอกราชของนครโฮจิมินห์ จะมีผู้ประกอบการประมาณ 300 คน รวมทั้งตัวแทนจากสถานประกอบการที่มีเงินทุนจากต่างประเทศ 50 แห่งและสมาคมสถานประกอบการต่างๆ เช่น สมาคมการค้าสหรัฐหรือ AmCham และหอการค้ายุโรปหรือEuro Cham ประมาณ 20 แห่งเข้าร่วม ส่วนใน 62 จังหวัดและนครทั่วประเทศ แต่ละจังหวัดจะมีตัวแทนสถานประกอบการประมาณ 50-100 แห่งเข้าร่วม นายหวูเตี๊ยนหลก ประธานวีซีซีไอเผยว่า ชมรมผู้ประกอบการมีความยินดีเป็นอย่างมากที่รัฐบาลจัดการประชุมครั้งนี้ โดยถือเป็น “การประชุมที่สร้างความเป็นเอกฉันท์” ในกระบวนการพัฒนาของสถานประกอบการ พร้อมทั้งหวังว่า จะมีการจัดการประชุมแบบนี้เป็นประจำทุกปีและแสดงความปรารถนาว่า “ผู้ประกอบการมีความปรารถนาว่า รัฐบาลจะมีแผนการผลักดันการพัฒนาสถานประกอบการโดยเริ่มตั้งแต่การทำให้เศรษฐกิจมหภาคมีเสถียรภาพ ควบคุมภาวะเงินเฟ้อไม่ให้เกินร้อยละ 4 ตามมติของรัฐสภา ควบคู่กันนั้น รัฐบาลจะปฏิบัติโครงการปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนและประกอบธุรกิจอย่างพร้อมเพรียงเพื่อให้เวียดนามเป็น 1 ใน 4 ประเทศที่มีบรรยากาศการประกอบธุรกิจที่ดีที่สุดในอาเซียนในเวลาข้างหน้า รัฐบาลควรขยายการตรวจสอบและเร่งรัดการบังคับใช้กฎหมายสถานประกอบการและกฎหมายการลงทุนให้มีประสิทธิภาพอย่างจริงจัง ผู้ประกอบการยังปรารถนาว่า รัฐบาลจะยื่นเสนอกฎหมายการสนับสนุนสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมให้รัฐสภาพิจารณาอนุมัติโดยเร็ว”

นายหวูเตี๊ยนหลกยังเผยว่า การปรับปรุงกลไกทางราชการเป็นเรื่องที่สำคัญในเวลาข้างหน้าเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจของสถานประกอบการ ส่วนนางเหงียนถิเหงียดเหื่อง ผู้แทนรัฐสภากรุงฮานอยและประธานกรรมการบริหารบริษัท Holdings Viet Nam จำกัดได้ยืนยันว่า  “รัฐบาลควรเน้นปรับปรุงระเบียบราชการให้เข้มแข็งมากขึ้น สร้างสรรค์กลไกภาครัฐให้กระทัดรัดและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่สถานประกอบการในการทำระเบียบการและลดค่าใช้จ่ายเพื่อลดต้นทุนการผลิต รัฐบาลควรจัดทำร่างโครงการพัฒนากลุ่มผู้ประกอบการให้เป็นรูปธรรมและมีนโยบายสนับสนุนอย่างมีประสิทธิภาพให้แก่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่"

ในการประชุมครั้งนี้ ไม่เพียงแต่มีนายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุ๊กและชมรมผู้ประกอบการเข้าร่วมเท่านั้น หากยังมีรองนายกรัฐมนตรีเวืองดิ่งเหวะ รองนายกรัฐมนตรีจิ่งดิ่งหยุง ผู้บริหารกระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่น ผู้บริหารคณะกรรมการเศรษฐกิจส่วนกลาง คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจแห่งรัฐสภาและคณะกรรมการชี้นำการเปลี่ยนแปลงใหม่และพัฒนาสถานประกอบการเข้าร่วมอีกด้วย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ส่วนกลาง ท้องถิ่น กระทรวงและหน่วยงานต่างๆสรุปอุปสรรค์ของสถานประกอบการในปัจจุบันเพื่อมีมาตรการแก้ไขที่คล่องตัวและอำนวยความสะดวกให้สถานประกอบการพัฒนา

นายเลแหมงห่า  รองหัวหน้าสำนักรัฐบาลได้เผยว่า ในการประชุมครั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอุปสรรคในกระบวนการประกอบธุรกิจต่อนายกรัฐมนตรี เช่น การปฏิบัติตามกฎหมายสถานประกอบการ ปัญหาภาษี ศุลกากร ที่ดิน การก่อสร้าง อัตราดอกเบี้ย ความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ รวมทั้งปัญหาด้านคมนาคม สิ่งแวดล้อม การควบคุมตลาดและต้นทุนการผลิต  เป็นต้น บนพื้นฐานนี้ หลังการประชุมในช่วงบ่ายของวันเดียกัน นายกรัฐมนตรีจะหารือกับกระทรวงและท้องถิ่นเพื่อแสวงหามาตรการแก้ไขและจัดการข้อร้องเรียนของผู้ประกอบการ และจะมีการยื่นเสนอมติสนับสนุนสถานประกอบการเวียดนามเป็นพลังขับเคลื่อนในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อรัฐบาลในต้นเดือนพฤษภาคมนี้

เอกสารฉบับต่างๆของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 12 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาได้ย้ำว่า เศรษฐกิจภาคเอกชนต้องเป็นพลังขับเคลื่อนในการพัฒนาเศรษฐกิจ ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงตั้งความหวังว่า ในการประชุมกับนายกรัฐมนตรีในวันที่ 29 เดือนนี้ สำนักงานที่เกี่ยวข้องจะรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอต่างๆของผู้ประกอบการเพื่อวางแนวทางแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนเจตนารมณ์แห่งการสร้างฐานะใหม่และสร้างสรรค์สถานประกอบการให้เป็นพลังขับเคลื่อนในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างจริงจัง.