(VOVworld)- นายกฯได้อนุมัติแผนการปฏิรูปสถานประกอบการภาครัฐช่วงปี2011-2015โดยเน้นในกลุ่มเศรษฐกิจและเครือบริษัทภาครัฐเพื่อมุ่งนำเศรษฐกิจภาคนี้ให้กลายเป็นกำลังหลักในการปรับและสร้างเสถียรภาพให้แก่เศรษฐกิจมหภาค ในรายการวิเคราะห์สถานการณ์วันนี้ขอแนะนำความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจบางท่านเกี่ยวกับประเด็นนี้จากบทความที่พาดหัวว่า โครงการปฏิรูปสถานประกอบการภาครัฐ ก้าวเดินที่มีประสิทธิภาพและทันการณ์

โครงการปฏิรูปสถานประกอบการภาครัฐ ก้าวเดินที่มีประสิทธิภาพและทันการณ์

ตามโครงการนี้ สถานประกอบการภาครัฐจะแบ่งเป็น3กลุ่มคือกลุ่มสถานประกอบการที่รัฐถือหุ้น100%ประกอบธุรกิจในด้านที่รัฐผูกขาดและมีความหมายสำคัญเป็นพิเศษต่อเศรษฐกิจสังคม ความมั่นคงและการป้องกันประเทศ กลุ่มที่สองคือรัฐวิสาหกิจที่รัฐถือหุ้นกว่าร้อยละ50และกลุ่มที่3คือสถานประกอบการภาครัฐที่ขาดประสิทธิภาพและไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้จะถูกปรับโครงสร้างหนี้และโอนกรรมสิทธิ์ แปรรูปเป็นบริษัทหุ้นส่วนหรือประกาศล้มละลาย  โดยก่อนอื่นการปฏิรูปสถานประกอบการตามสาขาอาชีพในทุกระดับจะมุ่งเป้าไปที่สถานประกอบการที่อยู่ในสาขาการก่อสร้าง การค้า โทรคมนาคม การพิมพ์จำหน่าย การจัดสรรค์และระบายน้ำและสิ่งแวดล้อมในตัวเมืองและมีการปฏิรูปทั้งด้านองค์ประกอบ การบริหาร บุคลากร สาขาอาชีพ ยุทธศาสตร์การพัฒนา การลงทุนและผลิตภัณฑ์ รองศ.ดร. หว่าง เตริ่นเหา รองผู้อำนวยการสถาบันการเงิน ได้แสดงความเห็นว่า การปฏิรูปสถานประกอบการภาครัฐหรือการแปรรูปเป็นหุ้นส่วนนั้นควรเริ่มจากกลุ่มเศรษฐกิจใหญ่เช่นเครือบริษัทปีโตรเวียดนาม  เครื่อบริษัทถ่านหินและแร่ธาตุเวียดนาม หรือเครื่อบริษัทโทรคมนาคมของกองทัพหรือเวียดเทล เป็นต้น และการปฏิรูปนั้นต้องเป็นไปอย่างเด็ดขาด เพื่อให้การปฏิรูปประสบผลสำเร็จสิ่งแรกที่ต้องสนใจคือรัฐต้องระบุสาขาอาชีพที่รัฐสามารถควบคุมทั้งหมดหรือบางส่วนและสาขาอาชีพที่ไม่จำเป็นต้องถือหุ้นเพื่อให้ดำเนินการแปรรูปเป็นหุ้นส่วน แม้กระทั่งเป็นกลุ่มเศรษฐกิจใหญ่ที่เป็นกำลังหลักก็ควรได้รับการแปรรูปอย่างรอบด้านเพื่อเพิ่มเงินทุนและส่วนร่วมจากภาคเอกชนในการร่วมมือกับรัฐทำการบริหารควบคุม นอกจากนี้ไม่ควรหลีกเลี่ยงการที่ต้องทำความเข้าใจว่าการแปรรูปเป็นหุ้นส่วนนั้นหมายถึงการขายบริษัทให้แก่ภาคเอกชนจริงหรือไม่เพราะถ้าหากแปรรูปเป็นหุ้นส่วนแล้วแต่ผู้ถือหุ้นยังเป็นสถานประกอบการภาครัฐ100%อยู่ก็ถือว่าโครงสร้างสถานประกอบการนั้นยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

จากสถานการณ์ที่เป็นจริงในเวียดนาม สามารถเห็นว่าสถานประกอบการภาครัฐได้ทำธุรกิจเกินขอบเขตคือลงทุนนอกสาขาอาชีพหลักที่ไม่สามารถนำมาซึ่งประสิทธิภาพสูงได้                        ดังนั้นแผนการปฏิรูปสถานประกอบการภาครัฐที่นายกฯเพิ่งประกาศใช้นั้นจึงมีการเสนอให้ยุติการขยายการลงทุนเกินขอบเขตสาขาอาชีพก่อนปี2015 ซึ่งตามความเห็นของนาย บุ่ยหงอกเซิน จากสถาบันเศรษฐศาสตร์และการเมืองโลก  รัฐควรมีส่วนร่วมหรือมีความผูกขาดในด้านที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจสังคมของประเทศและภาคเอกชนไม่สามารถทำได้เท่านั้น ส่วนการแปรรูปสถานประกอบการเป็นหุ้นส่วนนั้นก็ต้องดำเนินไปอย่างรอบคอบตั้งแต่ด้านที่เกี่ยวข้องกับการบริการสังคม ส่วนในด้านอื่นๆเช่นการรถไฟ การเดินอากาศ ไฟฟ้า ปีโตรเลี่ยม รัฐควรทำการบริหารเฉพาะเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนเรื่องการบริการจะให้ภาคเอกชนเข้าร่วมเพื่อให้การแข่งขันมีความเสมอภาค  นายเซินกล่าวว่า ตามความเห็นของผม รัฐควรลดจำนวนบริษัทที่อยู่ในอำนาจการบริหารโดยตรงเพื่อเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้าร่วมแต่เพื่อรักษาความปลอดภัยและความมีเสถียรภาพด้านสังคมและให้กระบวนการปฏิรูปประสบความสำเร็จการแปรรูปในด้านที่เกี่ยวข้องกับภาคสังคมควรดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไปและควรมีการสนับสนุนสถานประกอบการหลังการแปรรูปเพื่อให้สถานประกอบการเหล่านี้สามารถดำเนินงานตามปกติต่อไป

สำหรับระยะเวลาหลังการปฏิรูป รัฐควรมีระเบียบนโยบายที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนสถานประกอบการพัฒนา ควบคู่กันนั้นควรเพิ่มอำนาจการตรวจสอบการดำเนินงานของสถานประกอบการภาครัฐให้แก่กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากขึ้น ซึ่งดร.เตริ่นเตี๊ยนเกื่อง สถาบันวิจัยการบริหารเศรษฐกิจส่วนกลางเผยว่า ควรปรับปรุงบทบาท หน้าที่และองค์ประกอบการถือกรรมสิทธิ์ของรัฐเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการบังคับใช้ในการบริหารโดยเฉพาะความสามารถในการตรวจสอบของผู้ที่ถือกรรมสิทธิ์      เมื่อก่อนนี้ พวกเราให้ความสนใจต่อสถานประกอบการภาครัฐเป็นหลัก แต่ปัจจุบันควรหันมาสนใจลักษณะการบริหารและบทบาทของการบริหารของรัฐมากกว่า คือต้องแยกแยะว่าใครคือฝ่ายบริหารด้านราชการและใครคือผู้ถือกรรมสิทธิ์เพื่อเพิ่มความเป็นเอกภาพ ความเป็นมืออาชีพและเพิ่มทักษะในการบริหารของผู้ถือกรรมสิทธิ์

หนึ่งในมาตรการที่โครงการนี้ได้ย้ำถึงคือต้องเร่งจัดทำการแบ่งกลุ่มสถานประกอบการที่ต้องทำการแปรรูปเป็นหุ้นส่วนตามแนวทางผลักดันการเพิ่มจำนวนผู้ถือหุ้น กำหนดสาขาอาชีพและด้านที่ต้องให้ความสนใจในการปฏิรูป โดยต้องตระหนักว่า เป้าหมายการปฏิรูปสถานประกอบการภาครัฐตามแนวทางที่รัฐบาลอนุมัติคือหน้าที่สำคัญในกระบวนการปฏิบัติจากนี้ถึงปี2015./.