(VOVworld)-ในการหารือเกี่ยวกับรายงานของรัฐบาลที่เสนอภาพรวมเศรษฐกิจสังคมปี2013และใน4เดือนแรกของปี2014ในกรอบการประชุมรัฐสภาครั้งที่7สมัยที่13  บรรดาผู้แทนรัฐสภาหลายคนได้แสดงความเห็นว่า เศรษฐกิจกำลังมีสัญญาณฟื้นตัวดังนั้นเวียดนามต้องใช้โอกาสต่างๆจากแนวทางนี้ให้เป็นประโยชน์เพื่อนำพาเศรษฐกิจของประเทศฝ่าฟันอุปสรรคให้ได้

นายเหงวียนวันเหย่า หัวหน้าคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจรัฐสภา

เป้าหมายต่างๆที่รัฐสภาได้วางไว้ในปี2013ต่างประสบความสำเร็จสูงเกินกว่าที่กำหนด ส่วนในช่วง4เดือนต้นปี2014 ภาคอุตสาหกรรม การเกษตรและการบริการต่างมีสัญญาณที่น่ายินดี เงินเฟ้ออยู่ในกรอบการควบคุม อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจมีเสถียรภาพ แต่อย่างไรก็ตามยังปรากฎความเสี่ยงใหม่ที่สร้างอุปสรรคให้แก่เศรษฐกิจเช่น ถึงแม้เศรษฐกิจมีการขยายตัวแต่ไม่มีก้าวกระโดดใหม่ การปฏิรูปโครงสร้างของสถานประกอบการและธนาคารดำเนินไปอย่างล่าช้า

เปลี่ยนแปลงใหม่รูปแบบการขยายตัว

บรรดาผู้แทนรัฐสภาเห็นว่า ถึงแม้เศรษฐกิจมีสัญญาณที่สดใสแต่รูปแบบการขยายตัวยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเข้มแข็ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากมูลค่าการส่งออกในช่วง4เดือนที่ผ่านมาที่ขยายตัวร้อยละ14แต่ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นในกลุ่มสินค้ารับจ้างผลิต ส่วนอัตราการได้เปรียบดุลการค้าอยู่ที่1.7พันล้านเหรียญสหรัฐแต่ในนั้นมี1.1พันล้านเหรียญสหรัฐเป็นของสถานประกอบการเอฟดีไอ ส่วนที่เหลือเป็นของสถานประกอบการในประเทศ ซึ่งนับเป็นปัญหาที่น่าเป็นห่วง นางเหงวียนทิเหงีย ผู้แทนรัฐสภานครไฮฟองเห็นว่า“รัฐบาลต้องมีการชี้นำการปฏิบัติให้เข้มแข็งเด็ดขาดและพร้อมเพรียงมากขึ้น โดยเฉพาะในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขยายตัว แก้ไขปัญหาอุปสรรคให้แก่สถานประกอบการและปฏิบัตินโยบายที่ได้ประกาศแล้วอย่างมีประสิทธิภาพ”

ส่วนนาย เจิ่นยูหลิก ผู้แทนรัฐสภานครโฮจิมินห์กล่าวว่า“ในระยะกลางและระยะยาว ต้องคำนึงถึงปัญหาที่เราอยากปฏิรูปตลาดและหลุดพ้นการพึ่งพาแหล่งวัตถุดิบจากภายนอก ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีนโยบายช่วยเหลือสถานประกอบการโดยเฉพาะนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตประกอบ”

อำนวยเงื่อนไขให้สถานประกอบการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อ

ผู้แทนรัฐสภามายซวนหุ่ง รองหัวหน้าคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจแห่งรัฐสภากล่าวว่า ก้าวกระโดดในปัจจุบันคือต้องปฏิรูประเบียบการควบคู่กับการปฏิรูปสถานประกอบการภาครัฐและเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนพัฒนา ส่วนนายเจิ่นหว่างเงิน ผู้แทนรัฐสภานครโฮจิมินห์มีความเห็นว่าต้องแก้ไขอุปสรรคที่ยังคั่งค้างโดยเฉพาะปัญหาสถานประกอบการที่ระงับการผลิตหรือล้มละลายที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยกว่า5หมื่นแห่งต่อปี ซึ่งในสภาวการณ์ที่สถานประกอบการประสบความลำบากในหลายด้านเช่นต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นแต่กำลังซื้อกลับเท่าเดิมก็ยากที่จะพัฒนาต่อไปได้บวกกับปัญหาอุปสรรคด้านระเบียบราชการที่ยังซ้ำซ้อนในหลายขั้นตอน

ผู้แทนรัฐสภานครโฮจิมินห์ เจิ่นยูหลิกเสนอ“ปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจในปัจจุบันคือทำอย่างไรเพื่อกระตุ้นอุปสงค์ หากทำได้เราก็สามารถกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้ ซึ่งในกระบวนการปฏิบัติต้องจัดกลุ่มสถานประกอบการต่างๆและเน้นความสนใจถึงสถานประกอบการที่สามารถฟื้นตัวได้แต่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อเพราะมีหนี้ค้างชำระ ส่วนเป้าหมายของเราปีนี้คือเพิ่มการขยายตัวด้านสินเชื่อตั้งแต่ร้อยละ12-14แต่จนถึงขณะนี้เพิ่มขึ้นได้เพียงร้อยละ0.56เท่านั้น ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า เราไม่สามารถกระจายเงินทุนได้ อีกปัญหาหนึ่งคือในภาคการลงทุนสาธารณะ ต้องพยายามปรับเปลี่ยนขั้นตอนระเบียบการเพื่อเพิ่มการเบิกจ่ายเงิน”

เกี่ยวกับประเด็นนี้ นายเหงวียนวันเหย่า หัวหน้าคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจรัฐสภาเห็นว่า“ต้องเน้นมาตรการเพิ่มอุปสงค์ในระดับที่เหมาะสม ค้ำประกันเป้าหมายสร้างเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาคและการขยายตัวที่เหมาะสม ทำการเบิกจ่ายเงินอย่างทันการณ์และมีการควบคุมการอย่างเคร่งครัดและมีประสิทธิภาพทั้งแหล่งเงินทุนของรัฐ ของส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น”

เศรษฐกิจเวียดนามกำลังกลับเข้าสู่จังหวะการขยายตัว ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่ายินดี ถ้าเวียดนามสามารถพัฒนาผลการปฏิบัติในเบื้องต้นนี้ได้เป็นอย่างดีท่ามกลางอุปสรรคที่กำลังรออยู่มากมายนั้น ก็จะช่วยอำนวยเงื่อนไขที่สะดวกให้แก่การปฏิบัติเป้าหมายการพัฒนาของปี2014และปีต่อๆไปให้เป็นผลสำเร็จ./.