๓๐ ปีดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ: หวนมองและดำเนินต่อไป

(VOVWORLD) - ปี ๒๐๑๘ สร้างนิมิตหมาย ๓๐ ปีแหล่งเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือเอฟดีไอเข้าเวียดนาม ในตลอด ๓ ทศวรรษที่ผ่านมา เงินเอฟดีไอได้กลายเป็นแหล่งพลังสำคัญ มีส่วนร่วมต่อการขยายตัวด้านเศรษฐกิจของเวียดนาม ในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันยังอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพ การปะทะทางภูมิศาสตร์การเมืองยังคงผันผวนอย่างซับซ้อน แนวโน้มการคุ้มครองการค้ากำลังบานปลายในโลก เพื่อธำรงบทบาทของแหล่งเงินทุนนี้ต่อเศรษฐกิจต่อไป เวียดนามกำลังมีก้าวเดินเพื่อการปฏิรูปที่เข้มแข็งในด้านนี้
๓๐ ปีดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ: หวนมองและดำเนินต่อไป - ảnh 1

นับตั้งแต่ที่เงินเอฟดีไอได้ไหลเข้าเวียดนามเมื่อปี ๑๙๘๘ ก็ได้กลายเป็นแนวทางการดึงดูดการลงทุนใหม่ มีส่วนร่วมต่อการขยายตัวด้านเศรษฐกิจ “กระตุ้น” และยกระดับประสิทธิภาพในการใช้แหล่งเงินทุนภายในประเทศ ช่วยประชาสัมพันธ์เครื่องหมายการค้าของประเทศ ค่อยๆยกระดับสถานะและพลังของเวียดนามในสภาวการณ์แห่งโลกาภิวัตน์

ตัวเลขที่น่าประทับใจ

ตามรายงานสถิติของกรมการลงทุนต่างประเทศสังกัดกระทรวงวางแผนและการลงทุน ภายหลัง ๓๐ ปีแห่งการดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ จนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมปี ๒๐๑๘ ทั่วประเทศมีเกือบ ๒ หมื่น ๖ พันโครงการที่กำลังดำเนินงาน รวมยอดเงินจดทะเบียนกว่า ๓ แสน ๒ หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบัน ภาคที่มีเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศคิดเป็นร้อยละ ๒๕ ของยอดเงินลงทุนของสังคม และคิดเป็นกว่าร้อยละ ๗๐ ยอดมูลค่าการส่งออกสิ้นค้าของประเทศ

จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนปี ๒๐๑๘ ยอดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศบรรลุกว่า ๒ หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๕ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะนี้ มี ๘๗ ประเทศและดินแดนมีโครงการลงทุนในเวียดนาม ซึ่งตามความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ ผลงานนี้คือจุดเด่นเมื่อเทียบกับหลายประเทศในภูมิภาค ด้วยพื้นฐานคือการเมืองมีเสถียรภาพ มีสถานะทางภูมิศาสตร์ที่สะดวกในภูมิภาคอาเซียนที่กำลังพัฒนาอย่างคล่องตัว เวียดนามได้รับการประเมินว่า เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจของแหล่งเงินทุนจากต่างประเทศในเวลาที่จะถึง นาย เหงียนกงอ๊าย รองผู้อำนวยการใหญ่กลุ่มบริษัทตรวจเงินและการลงทุนต่างประเทศ KPMG ได้เผยว่า “ในรอบ ๑ ปีมานี้ โดยเฉพาะในช่วงต้นเดือนแรกของปี ๒๐๑๘ ทางบริษัทเรายุ่งมาก เพราะต้องต้อนรับนักลงทุนที่อยากเข้ามาลงทุนในเวียดนาม ดังนั้น ปัจจุบัน นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจลงทุนในเวียดนามเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักลงทุนจากเอเชียเหนือ”

ดึงดูดเงินเอฟดีไอด้วยวิธีการใหม่ในสภาวการณ์ใหม่

ถึงแม้มีศักยภาพดังกล่าว แต่เศรษฐกิจโลกกำลังมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย นั่นคือสถานการณ์การคุ้มครองการค้าเพิ่มสูงขึ้น จนทำให้กระแสเงินลงทุนจากต่างประเทศก็มีการผันผวนในเวลาที่จะถึง ศาสตราจารย์ ดร. เหงียนหม่าย ประธานสมาพันธ์สถานประกอบการลงทุนต่างประเทศได้แสดงความเห็นว่า “สถานการณ์ในโลก รวมทั้งประเทศเวียดนามและเงินเอฟดีไอในโลกมีการเปลี่ยนแปลง จนทำให้พวกเราต้องเปลี่ยนแปลงแนวทางและนโยบายดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ โดยแนวทางใหม่คือการขยายตัวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขยายตัวอย่างยั่งยืนและดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้าในด้านเทคโนโลยีใหม่ ปัญญาประดิษฐ์และคลาวด์คอมพิวติ้ง เป็นต้น และไม่เพียงแต่ดึงดูดการลงทุนจากประเทศที่กำลังลงทุนประกอบธุรกิจในเวียดนามเท่านั้น หากยังรวมถึงประเทศที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในโลกอีกด้วย ซึ่งเพื่อปฏิบัติสิ่งนี้ได้ พวกเราต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการปฏิบัติ เช่นการส่งเสริมการลงทุน การประเมินโครงการและการปฏิรูปการบริหารภาครัฐอย่างรอบด้าน”

คาดว่า ในเวลาที่จะถึง การแข่งขันดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศจะมีขึ้นอย่างเข้มแข็ง ดังนั้นทำให้เวียดนามต้องปฏิรูปการบริหารภาครัฐในด้านการดึงดูดเงินเอฟดีไอโดยนอกจากการปฏิบัตินโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายของรัฐบาลเกี่ยวกับการดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศใน ๓ ทศวรรษที่ผ่านมาคือปรับปรุงระบบกฎหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้องให้มีความสมบูรณ์ตามแนวทางที่เสมอต้นเสมอปลาย เปิดเผย โปร่งใสและอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนอย่างเต็มที่แล้ว เวียดนามกำลังพยายามปรับปรุงการบังคับใช้กฎหมาย ผลักดันการสนทนาอย่างจริงจัง เน้นแก้ไขอุปสรรคให้แก่นักลงทุน ดร. เหงียนมิงฟอง ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจได้ยืนยันว่า “พวกเรากำลังเดินไปถูกทิศทางในแนวโน้มแห่งการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกและเข้าร่วมห่วงโซ่คุณค่าโลก ต้องดึงดูดเงินทุนเอฟดีไอจากสถานประกอบการชื่อเสียง มีเงื่อนไขและมีผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มในระดับสูง ตลอดจนพร้อมถ่ายทอดประสบการณ์ให้แก่เวียดนาม ส่วนพวกเราต้องมีความพร้อมในการรองรับ โดยงานด้านการส่งเสริมการลงทุนต้องมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น เพื่อให้เกิดประสิทธิผลอย่างจริงจัง”

ส่วนนาย โด๋เยิตหว่าง อธิบดีกรมการลงทุนจากต่างประเทศสังกัดกระทรวงวางแผนและการลงทุนได้แสดงความเห็นว่า ต้องปรับเปลี่ยนการลงทุนเข้าในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง มีแนวทางและให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อมาตรฐานต่างๆ โดยเฉพาะการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เศรษฐกิจและสถานการณ์ทางการเมืองมีเสถียรภาพ การปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนและการประกอบธุรกิจอย่างต่อเนื่องคือความได้ปรับที่ยิ่งใหญ่ของเวียดนามในการดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ในสภาวกาณ์ที่เศรษฐกิจโลกยังมีการผันผวนอย่างซับซ้อน แนวโน้มการคุ้มครองการค้ากำลังบานปลายในโลก เพื่อให้แหล่งเงินทุนเอฟดีไอมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งต่อการขยายตัวด้านเศรษฐกิจ เวียดนามก็ต้องปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ เปลี่ยนแปลงรูปแบบการขยายตัวต่อไปเพื่อยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพของแหล่งเงินทุนเอฟดีไออย่างต่อเนื่อง.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด