ตำรวจจังหวัดยาลายให้กำลังใจผู้พ้นโทษในการทำมาหากิน

ในช่วงต้นปี 2000 จังหวัดยาลายได้ปฏิบัติรูปแบบบริหารและให้การศึกษาแต่ผู้ที่หลงผิดปฏิบัติตามองค์กร Fulro ในชุมชนเป็นการนำร่อง โดยระดมระบบการเมืองและประชาชนเข้าร่วม รวมทั้ง กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้ที่ได้รับการนับถือ ผู้ที่มีศมณศักดิ์และเจ้าหน้าที่ในระบบการเมืองซึ่งทำให้งานด้านการให้การศึกษาพัฒนามากขึ้น ความมั่นคงทางการเมืองและความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคมได้รับการค้ำประกันและมีเสถียรภาพ จากการที่ต้องดูแลผู้ที่พ้นโทษประมาณ 5,000 คนเมื่อปี 2005 ปัจจุบัน เหลือเพียง 1,000 คนเท่านั้น ซึ่งในนั้นกว่าร้อยละ 70 ได้รับการระบุในรายชื่อผู้ที่มีคุณธรรมเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี เมื่อเดือนธันวาคมปี 2015 และเดือนเมษายนปี 2016 คณะกรรมการประชาชนของจังหวัดยาลายได้ประกาศใช้มติ 153 และมติ 44 เกี่ยวกับการผลักดันการบริหารและให้การศึกษาแก่ผู้ที่หลงผิดในกลุ่ม Fulro ในชุมชน ซึ่งทางตำรวจจังหวัดยาลายได้มีวิธีการที่สร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติมติฉบับดังกล่าว พ.ต.อ. เหงียนหวอกเซิน รองผู้อำนวยการสำนักงานตำรวจจังหวัดยาลายได้เผยว่า

“พวกเราใช้คนที่ออกจากประเทศไปแล้วและกำลังอยู่อาศัยในสหรัฐเพื่อบอกว่าการอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นอย่างไร เป็นเรื่องจริงไหมที่ไม่ต้องทำอะไรแต่ก็มีกินมีใช้ คนเหล่านี้เป็นคนจริงที่พูดความจริงที่สุด ผู้ที่เข้าร่วมการจลาจลทำลายต่อต้านรัฐเมื่อถูกตัดสินจำคุกและพ้นโทษกลับท้องถิ่น พวกเขาจะเป็นผู้บอกเล่าเรื่องต่างๆ พวกเราแค่ขอให้พวกเขาพูดความจริงเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขา พวกเราติดต่อกับกลุ่มแกนนำที่กำลังอยู่อาศัยในสหรัฐเพื่อพูดคุยกับชาวยาลายผ่าน face times, zalo, facebook  การพูดคุยเป็นไปอย่างสบายๆซึ่งช่วยลดผลกระทบจากภายนอกต่อท้องถิ่น”

ในตลอด 5 ปีที่ผ่านมา จังหวัดยาลายได้เปิดชั้นเรียนให้การศึกษาสำหรับที่ผู้ที่พ้นโทษ 330 ครั้ง ซึ่งช่วยให้พวกเขาไม่กระทำผิดอีก มีความเข้าใจและรู้เท่าทันถึงแผนการที่อันตรายที่มุ่งสร้างความแตกแยกของกลุ่มมหาสามัคคีชนในชาติของกลุ่ม Fulro มีความมุ่งมั่นตั้งใจทำมาหากิน นาย กซอ ฮีร์ ชนเผ่า Jrai ในตำบล ห่าโบ่วได้เผยว่า

"เมื่อก่อน ผมทําผิดและหนีไปยังสหรัฐ แต่ตอนนี้ผมกลับท้องถิ่นได้รับความสนใจและอำนวยความสะดวกจากรัฐในการทำมาหากินและการใช้ชีวิต ผมขอขอบคุณพรรคและรัฐ”

จนถึงปัจจุบัน จังหวัดยาลายมีครอบครัวเกือบ 1,500 ครอบครัวที่มีผู้ที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายที่ต้องดูแลและให้การศึกษาในชุมชนที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายและโครงการสนับสนุนของรัฐ มีหลายที่ได้รับความช่วยเหลือจากทางการท้องถิ่นในการประยุกต์ใช้โครงการและนโยบายสนับสนุนของพรรคและรัฐอย่างคล่องตัวเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงนโยบายสนับสนุนอื่นๆ ตำบลห่าโบ่วในอำเภอ ดั๊กดวาเป็นท้องถิ่นที่มีผู้เข้าร่วมกลุ่ม Fulro หลายคนและเป็นท้องเดินหน้าในการปฏิบัติงานด้านการช่วยเหลือผู้เคยทำผิดปรับตัวเข้ากับชุมชน นาย อีเหียว รองประธานคณะกรรมการประชาชนตำบล ห่าโบ่วได้เผยว่า

"ในเวลาที่ผ่านมา ทางตำบลให้ความสนใจเป็นอย่างมากถึงผู้พ้นโทษ โดยประสานกับแนวร่วมปิตุภูมิและองค์กรมวลชนเพื่อพูดคุย รับฟังความคิดเห็นและความปรารถนาของผู้ที่เคยทำผิดกฎหมาย อีกทั้งสนับสนุนและโน้มน้าวให้เข้าร่วมการฝึกอบรมเกี่ยวกับการผลิต การปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ในเวลาที่ผ่านมา ทางตำบลได้สนับสนุนต้นกล้าและพันธุ์สัตว์ เช่น วัวและสุกร ช่วยเหลือผู้ที่มีฐานะยากจน จนถึงปัจจุบัน ครอบครัวเหล่านี้มีความมั่นใจในการพัฒนาฐานะของครอบครัวจนมีเสถียรภาพในเบื้องต้นแล้ว”

อำเภอดั๊กดวาได้ช่วยหางานทำที่มั่นคงให้แก่ผู้พ้นโทษ 12 คน ธนาคารนโยบายสังคมอำเภอดั๊กดวาได้ออกมาเป็นผู้รับประกัน อำนวยความสะดวกให้แก่ 25 ครอบครัวของผู้ที่พ้นโทษเพื่อกู้ยืมเงิน 450 ล้านด่งเพื่อผลิตและประกอบธุรกิจ ตำรวจอําเภอดั๊กดวาได้ก่อตั้งสโมสร "เพื่อนช่วยเพื่อน" ในตำบล อีอาบัง เปิดเพจ Facebook เพื่อโพสต์ข้อมูลงานทำสำหรับผู้พ้นโทษที่เดินทางกลับภูมิลำเนา ซึ่งจากความสนใจและการช่วยเหลือของทางการท้องถิ่นได้ช่วยให้ชีวิตของผู้พ้นโทษดีขึ้น นาย ปุยนาม ชนเผ่า Jrai ในตำบล เยร์ อำเภอ อี อา กราย ได้เผยว่า

"ผมข้ามพรมแดนผิดกฎหมายและถูกจับติดคุกเป็นเวลา 1 ปี 9 เดือน ทางอำเภออำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจและค้าขาย ผมเป็นออกไนซ์จัดงานแต่งงานมาตั้งแต่ปี 2007 และมีวงดนตรี ผมมีลูก 4 คน ซึ่งรัฐก็อำนวยความสะดวกให้ลูกของผมที่ผู้พิการได้รับประโยชน์จากนโยบายสำหรับเด็กพิการ“

ที่จังหวัดยาลายได้มีตัวอย่างเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจครัวเรือนของผู้พ้นโทษ เช่น นาย กาว วัน เกวี่ยน ในตำบล อาเดิ๊ก อำเภอ ดั๊กดวา ที่ทำธุรกิจและขยายพันธุ์กล้วยไม้ซึ่งมีรายได้ 100 ล้านด่งต่อเดือน นาย เหงียนดิ่งถ่วน เปิดร้านรับซื้อของเก่าในตำบล กดาง อำเภอ ดั๊กดวาซึ่งมีรายได้ 50 ล้านด่งต่อเดือน

การช่วยเหลือและสร้างโอกาสให้แก่ผู้ที่เคยทำผิดกฎหมายในการสร้างชีวิตใหม่เป็นนโยบายด้านมนุษยธรรมและจิตใจแห่งความเมตตาของประชาชาติเวียดนาม นี่ไม่เพียงแต่เป็นความรับผิดชอบของระบบการเมืองเท่านั้น หากยังเป็นการร่วมแรงร่วมใจของชุมชนอีกด้วย มีส่วนร่วมรักษาความมั่นคงและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในท้องถิ่น ในเวลาที่ผ่านมา จังหวัดยาลายได้แปรนโยบายนี้ให้เป็นรูปธรรมผ่านการปฏิบัติที่จริงจังและมีประสิทธิภาพ./.