ช่างศิลป์ฟานถิถวนกับผลิตภัณฑ์ “ผ้าห่มหนอนไหมทอ”

(VOVWORLD) -หมู่บ้านฝุ่งสา อำเภอหมีดึ๊กอยู่ห่างจากใจกลางกรุงฮานอยไปทางทิศใต้ประมาณ 40 กิโลเมตร ในอดีต หมู่บ้านฝุ่งสา เป็นที่รู้จักกันว่าเป็น “เขตปลูกหม่อนเลี้ยงไหม”ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ  แต่ในปัจจุบัน หมู่บ้านฝุ่งสาเหลือช่างศิลป์เพียงคนเดียวคือ ฟานถิถวน ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นช่างศิลป์ยอดเยี่ยมที่ยังคงประกอบอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ถึงแม้ประกอบอาชีพนี้มากว่า 40 ปี แต่ช่างศิลป์ ฟานถิถวนยังคงเรียนรู้และมีความคิดสร้างสรรค์อย่างไม่หยุดยั้งเพื่อฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพพื้นเมืองของหมู่บ้าน  ความคิดริเริ่ม “ใช้หนอนไหมทอผ้าห่ม”ที่ไม่เคยมีมาก่อนได้ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของนางถวนได้รับความนิยมจากลูกค้า
ช่างศิลป์ฟานถิถวนกับผลิตภัณฑ์ “ผ้าห่มหนอนไหมทอ”    - ảnh 1ช่างศิลป์ฟานถิถวน 

  โรงทอผ้าไหมของช่างศิลป์ ฟานถิถวน มีพื้นที่กว่า 500 ตารางเมตร อยู่ใกล้ริมแม่น้ำดั๊ย ที่มีความเงียบสงบ แตกต่างกับโรงทอผ้าไหมอื่น ๆ เพราะที่นี่ไม่มีเสียงของเครื่องทอผ้า มีแต่แผ่นไม้ขนาด 4x2 เมตร เรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆพร้อมกรรมกรที่เป็นหนอนไหมนับร้อยนับพันตัวกำลังปล่อยใยไหมทอเป็นผืนผ้าเอง  ช่างศิลป์ ฟานถิถวนกำลังสอนให้คนงานรู้ว่า หนอนไหมตัวไหนปล่อยใยจนหมดแล้วหรือเมื่อเห็นหนอนไหมคลานออกไปก็ให้จับมาวางไว้เข้าที่บนแผ่นไม้เหมือนเดิม นางถวนบอกว่า เมื่อเข้าห้องเลี้ยงหนอนไหม ต้องไม่ทำให้มีเสียงดัง เพราะหนอนไหมตกใจง่ายมาก

“ ปรกติ หนอนไหมจะพ่นใยทำรังหุ้มตัวเองแต่เราวางหนอนไหมบนไม้แผ่นใหญ่ ไม่ให้มันทำรังไหม ถ้าหากมีเสียงดังรบกวนหรือ ลมโกรก ก็จะทำให้หนอนไหมหยุดพ่นใยและคลานไปที่อื่น เราต้องจับมันมาวางไว้ที่เดิม”

  ช่างศิลป์ ฟานถิถวนต้องใช้เวลากว่า 1 ปีเพื่อหาวิธีใช้หนอนไหมทอผ้าเอง  จนในที่สุด นางถวนก็ค้นพบวิธีการดังกล่าวและยังสามารถคำนวณปริมาณเฉลี่ยของไหมที่หนอนไหมสามารถผลิตได้ คือประมาณ 400-450เมตร ต่อ หนอนไหม 1 ตัว

“การคำนวณจำนวนหนอนไหมที่ใช้ต้องขึ้นอยู่กับวัยของมันด้วย ผ้าห่มที่หนอนไหมทำมีเนื้อผ้าที่แตกต่างกับผ้าห่มชนิดอื่นๆเพรา ะผ้าห่มที่ทอจากไหมหรือฝ้ายแบบทั่วไปนั้นบางทีเนื้อผ้าอาจไม่สม่ำเสมอ ส่วนผ้าที่ได้จากหนอนไหมจะมีความเรียบเนียนกว่า”

  ในช่วงที่เริ่มคิดค้นหาวิธีการฝึกให้หนอนไหมทอผ้าเอง ช่างศิลป์ ฟานถิถวนต้องประสบอุปสรรคไม่น้อย โดยเฉพาะการโน้มน้าวเรียกการสนับสนุนจากครอบครัว นาย เลดังนาม ลูกชายของนางถวนได้เผยว่า

 “ในครอบครัวเราเอง ไม่มีใครคิดว่า คุณแม่จะประสบความสำเร็จเพราะทุกคนต่างคิดว่า หนอนไหมปล่อยใยทำรังไหมเพื่อปกป้องมัน การที่จะให้หนอนไหมทอผ้าเองไม่น่าจะทำสำเร็จและไม่มีใครสนับสนุนในตอนแรก   หนอนไหมไม่ยอมผลิตใยและคลานไปคลานมาอย่างไม่เป็นระเบียบถ้ามันปล่อยใยลงพื้นดินหรือบนวัตถุอื่นๆ เราก็ใช้ไม่ได้ แต่คุณแม่ของผมก็ไม่ย่อท้อและพยายามหาวิธีการทำจนสำเร็จ”

ช่างศิลป์ฟานถิถวนกับผลิตภัณฑ์ “ผ้าห่มหนอนไหมทอ”    - ảnh 2 นางฟานถิถวนและ“ผ้าห่มหนอนไหมทอ”   

แต่ในที่สุดภายหลังการทดลองใช้หนอนไหมมาฝึกทอผ้ามา 8 รอบ  ผลผลิตชิ้นแรกที่เป็นผ้าห่มและผ้าไหมที่หนอนไหมทำเองก็เป็นรูปร่างขึ้นมา ซึ่งเนื้อผ้ามีความนุ่มกว่าผ้าที่ทอด้วยเทคนิคอื่นๆ     ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเนื่องจากมีขั้นตอนที่ลดลง แต่ปัญหาอีกอย่างที่ตามมาคือแหล่งจำหน่ายสำหรับผ้าชนิดนี้

“ปัญหาของเราคือจะขายให้ใคร เพราะผ้าห่มที่ขายในตลาดราคาอยู่ที่ประมาณ 3 แสนด่งเท่านั้น ส่วนผ้าห่มที่ใช้หนอนไหมทอมีราคาถึง 4 ล้านด่งต่อ 1 กิโลกรัม ตอนแรก ดิฉันได้มอบผ้าห่มนี้ให้แก่ผู้ที่ชอบและมีความรู้เกี่ยวกับผ้าไหมเพื่อลองใช้  ซึ่งพวกเขาก็ได้ให้การสนับสนุนดิฉันและครอบครัวในการผลิตผลิตภัณฑ์พิเศษนี้ต่อไป”

เมื่อปี 2012 นางถวนได้เริ่มทำการประชาสัมพันธ์แนะนำผลิตภัณฑ์ผ้าห่มที่ทอด้วยหนอนไหมในตลาดและเธอก็ได้รับหนังสือชมเชยและรางวัลที่ 1 สำหรับความคิดสร้างสรรค์ในการให้หนอนไหมทอผ้าเมื่อปี 2015 โดยสมาคมเกษตรกรเวียดนาม เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย  ช่างศิลป์ ฟานถิถวนได้จัดตั้งบริษัทหม่อนไหมหมีดึ๊กและนำผลิตภัณฑ์ไปจัดแสดงในงานนิทรรศการผ้าไหมทั้งภายในและต่างประเทศ ซึ่งผลิตภัณฑ์ของช่างศิลป์ ฟานถิถวนได้รับความสนใจจากลูกค้าทั้งภายในและต่างประเทศ โดยเฉพาะ ได้มีการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น ไทย เยอรมนี เบลเยียม จีนและซาอุดิอาระเบีย เป็นต้น นาง เหงวียนถิทู ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าห่มของช่างศิลป์ ฟานถิถวนได้เผยว่า

“พวกเราได้ส่งออกผ้าห่มที่หนอนไหมทอไปยังตลาดซาอุดิอาระเบีย 3 ปีแล้ว ราคาขายอยู่ที่ประมาณ  200 ดอลลาร์สหรัฐต่อผืนแล้วแต่ขนาด ซึ่งได้รับความนิยมจากลูกค้า โดยเฉพาะ ลูกค้าที่ชอบผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติเนื่องจากมีน้ำหนักเบาและเหมาะกับสภาพอากาศของที่นี่ ในร้านจัดแสดงสินค้า พวกเราก็ฉายคลิปวิดีโอเกี่ยวกับวิธีการผลิตผ้าห่มโดยหนอนไหม”

 ปีนี้ นางฟานถิถวนอายุ 60 ปีแล้ว แต่เธอยังครุ่นคิดเกี่ยวกับการธำรงอาชีพนี้ ดังนั้น นางถวนได้วางแผนการสร้างเครื่องหมายการค้า Silk4World พร้อมทั้งแสดงความประสงค์ว่า จะสร้างงานทำให้แก่ชาวบ้านด้วยอาชีพพื้นเมืองของหมู่บ้านและผ้าไหมของเวียดนามสามารถยืนยันชื่อเสียงอย่างมั่นคงในตลาดโลก และผลิตภัณฑ์ของSilk4World ด้วยรูปแบบที่หลากหลายจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกคน.           


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด