(VOVWORLD) - การดูแลอาใจใส่ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองคือนโยบายที่สะท้อนความเป็นมนุษย์ของพรรคและรัฐเวียดนามและคติประจำใจของชาติเวียดนามคือ “ดื่มน้ำต้องรำลึกถึงแหล่งที่มาของน้ำ” โดยในหลายปีมี่ผ่านมา ท้องถิ่นต่างๆได้มีนโยบายเพื่อดูแลเอาใจใส่ชีวิตของครอบครัวของผู้ที่ได้เสียสละเลือดเนื้อให้แก่ภารกิจการปลดปล่อยและรวมประเทศเป็นเอกภาพ
การมอบของขวัญให้แก่ครอบครัวผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองในเขตทุรกันดาร เขตที่อยู่ห่างไกลความเจริญและเขตชายแดน |
นาย Y Siêng Niê ซึ่งเป็นทหารทุพพลภาพที่หมู่บ้าน Chiêng Kao ตำบล Đắk Phơi อำเภอ Lắk จังหวัดดั๊กลั๊กรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆของศูนย์ดูแลผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองจังหวัดดั๊กลั๊กเป็นเวลา 5 วัน นาย Y Siêng Niê ได้เผยว่า
“กิจกรรมนี้ได้เปิดโอกาสให้ทหารทุพพลภาพจากจังหวัดเหงะอาน จังหวัดซอกจัง อำเภอ Ea Kar อำเภอ Buôn Đôn อำเภอ Ea Súp และอำเภอ Cư Kuin ได้พบปะสังสรรค์ ร้องเพลงอย่างสนุกสนานและไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองบวนมาถวด”
ส่วนนาย Y Mực Liêng บุตรชายของนาย Y Hiên Ông ซึ่งเป็นทหารทุพพลภาพที่หมู่บ้าน Sruông ตำบล Bông Krang อำเภอ Lắk ได้เผยว่า การที่รัฐช่วยเหลือเงินเพื่อก่อสร้างบ้านใหม่ทำให้สุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจของคุณพ่อดีขึ้น อีกทั้งสร้างความมั่นใจให้แก่ครอบครัวในการสร้างฐานะ
“คุณพ่อได้รับเงินช่วยเหลือสำหรับผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อการปฏิวัติ เดือนละเกือบ 130 ดอลลาร์สหรัฐและได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐ มูลค่า เกือบ 2,200 ดอลลาร์สหรัฐในการก่อสร้างบ้านใหม่”
ปัจจุบัน จังหวัดดั๊กลั๊กมีผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองกว่า 4 หมื่น 5 พันคน โดยมีกว่า 1 หมื่นคนได้รับเงินอุดหนุนทุกเดือน ในปี 2023 ทางจังหวัดฯได้จัดกิจกรรมการท่องเที่ยวและกิจกรรมดูแลสุขภาพให้แก่ผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองเกือบ 400 คนและมอบของขวัญให้แก่ผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองในโอกาสวันทหารทุพพลภาพและพลีชีพเพื่อชาติ 27 กรกฎาคม นาย เหงวียนกวางทวน รองผู้อำนวยการสำนักงานทหารทุพพลภาพและสังคมจังหวัดดั๊กลั๊กได้เผยว่า ในเวลาข้างหน้า ทางจังหวัดฯจะระดมพลังทุกแหล่งเพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่อยู่ในเป้านโยบายและผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองเพื่อให้หลุดพ้นจากความยากจน
“พยายามแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยให้แก่ครอบครัวที่อยู่ในเป้านโยบายที่มีฐานะยากจนภายในสิ้นปี2024 อีกทั้งเสนอให้เพิ่มนโยบายช่วยเหลือ เช่น ระบุเกณฑ์ผู้สูงอายุและผู้ที่มีฐานะยากจนที่จะได้รับเงินสงเคราะห์”
ส่วนที่จังหวัดลายโจว์ มีผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองเกือบ 8พันคน โดยในรอบ 3ปีที่ผ่านมา ทางการท้องถิ่นได้จ่ายเงินสงเคราะห์ให้ทุกเดือนและมอบเงินอุดหนุน 1ครั้งให้แก่ผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองเกือบ 4 พันคน ซ่อมแซมและก่อสร้างบ้านใหม่กว่า 30หลัง ให้แก่ผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง ตลอดจนทำการตรวจรักษาโรคและฟื้นฟูสมรรถภาพให้แก่ทหารทุพพลภาพ มอบของขวัญให้แก่ครอบครัวของผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองและซ่อมแซมสุสานทหารพลีชีพเพื่อชาติ นาง หวูถิถวี รองหัวหน้าแผนกแรงงาน ทหารทุพพลภาพและสังคมของเมืองลายโจว์และนาย เหงวียนดึ๊กเซิน ทหารทุพพลภาพที่แขวงเกวี๊ยดทั้ง เมืองลายโจว์ ได้เผยว่า
“เราได้ปฏิบัตินโยบายต่างๆอย่างพร้อมเพรียงเพื่อดูแลสุขภาพ มอบบัตรประกันสุขภาพ ช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัยและช่วยเหลือครอบครัวของผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง ส่วนในโอกาสวันทหารทุพพลภาพและพลีชีพเพื่อชาติ 27กรกฎาคมหรือในเทศกาลตรุษเต๊ต คณะกรรมการประชาชนเมืองลายโจว์จะไปเยี่ยมและมอบของขวัญให้แก่ครอบครัวของผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง”
“ทางการปกครองท้องถิ่นทุกระดับให้ความสนใจดูแลเอาใจใส่ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองเป็นอย่างดี ซึ่งพวกเราก็พยายามทำอย่างสุดความสามารถเพื่อให้สมกับการเป็นทหารในยุคโฮจิมินห์ เป็นพลเมืองที่ดีและปฏิบัติตามทุกแนวทางและนโยบายของพรรคและกฎหมายของรัฐ”
การก่อสร้างบ้านใหม่ให้แก่ผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง |
เพื่อระดมแหล่งพลังต่างๆในการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง ท้องถิ่นต่างๆได้เรียกร้องให้ประชาชนทุกภาคส่วนเข้าร่วมภารกิจนี้อย่างกว้างขวาง นาย เจิ่นโด๊ะกง รองผู้อำนวยการสำนักงานแรงงาน ทหารทุพพลภาพและสังคมจังหวัดลายโจว์ได้เผยว่า
“ทางสำนักงานฯได้ประสานงานกับสำนักงานต่างๆในการผลักดันขบวนการปวงชนบริจาคเงินให้แก่กองทุนเพื่อตอบแทนบุญคุณ ระดมแหล่งพลังต่างๆในการดูแลชีวิตทั้งด้านวัตถุและจิตใจให้แก่ผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อการปฏิวัติควบคู่กับการสอดแทรกนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจสังคมในโครงการเป้าหมายแห่งชาติเกี่ยวกับการแก้ปัญหาความยากจนและการสร้างสรรค์ชนบทใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อการปฏิวัติในการฝึกอาชีพและการสร้างงานทำเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น”
ทั้งนี้และทั้งนั้น แสดงให้เห็นว่า การดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองคือความรับผิดชอบของทั้งสังคมเพื่อมีส่วนร่วมยกระดับชีวิตทั้งด้านวัตถุและจิตใจให้ดีขึ้น.