นายเลืองแทงหงิ รองหัวหน้าคณะกรรมการแห่งรัฐว่าด้วยชาวเวียดนามที่อาศัยในต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ

ในการสัมมนาภายใต้หัวข้อ “ชมรมชาวเวียดนามที่อาศัยในต่างประเทศมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาของนครโฮจิมินห์”ที่มีขึ้นที่นครโฮจิมินห์เมื่อเร็วๆนี้ ผู้แทนทุกคนต่างยืนยันว่า เวียดนามได้กำหนดว่า การพัฒนาพลังงานสะอาดหรือพลังงานทดแทนเป็นมาตรการสำคัญในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

ในสภาวการณ์ที่สิ่งแวดล้อมในทั่วโลกกำลังถูกคุกคาม และมีพื้นที่บางแห่งต้องเผชิญปัญหามลภาวะอย่างรุนแรง ปริมาณควันพิษที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจกนับวันเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น ป่าไม้ถูกทำลาย น้ำแข็งขั้วโลกละลาย พื้นที่หลายแห่งประสบอุทกภัยจนสร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินนั้น ทุกประเทศต้องให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะการพัฒนาพลังงานสะอาดหรือพลังงานทดแทน ดร.เจิ่นแทงบิ่ง ชาวเวียดนามที่อาศัยในเยอรมนี ซึ่งมีประสบการณ์ 30 ปีในการวิจัยพลังงานสะอาดเผยว่า จากการมีแสงแดดประมาณ 2,000 ชั่วโมงต่อปี นครโฮจิมินห์มีศักยภาพในการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ โดยเฉพาะรัฐบาลเวียดนามได้อำนวยความสะดวกให้ประชาชนใช้พลังงานแสงอาทิตย์ด้วยการติดตั้งแผงโชลล่าเซลบนหลังคาและทุ่งนาเพื่อผลิตไฟฟ้าไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน “ทางนครฯ ควรใช้หลังคาของสำนักงานภาครัฐและโรงเรียนเพื่อติดตั้ง โซลาร์เซล โดยเฉพาะทางการปกครองนครต้องเป็นตัวอย่างในด้านนี้”

ควบคู่กับการพัฒนาพลังงานทดแทน ต้องใช้ระบบไฟฟ้าอัจฉริยะในครัวเรือน สำนักงานและสถานที่สาธารณะทันทีเพื่อประหยัดพลังงานและแก้ปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อม ศ.ดั๋งเลืองโม ชาวเวียดนามที่อาศัยในประเทศญี่ปุ่นได้เล่าประสบการณ์ของญี่ปุ่นและเสนอว่า “เราควรลดการใช้พลังงาน ยิ่งลดยิ่งดี ดังนั้น เราควรใช้ระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ เช่น หลอดไฟ LED ผมเห็นว่า หลายประเทศในโลกใช้หลอดไฟชนิดนี้นานแล้ว”

ผู้แทนร่วมถ่ายรูป

ส่วนนายเดวิต โง ชาวเวียดนามที่อาศัยในประเทศสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเผยว่า ในสภาวการณ์ที่พลังงานฟอสซิล เช่น ถ่านหินและน้ำมันจะหมดไปในอนาคต มนุษย์ต้องใช้พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมแทน ในระยะเปลี่ยนผ่าน เวียดนามควรใช้สติปัญญาของคนเวียดนามและเทคโนโลยีของเวียดนามเพื่อประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์ผลิตพลังงานทดแทน Made in Vietnam แต่ก่อนหน้านั้นก็ต้องผลักดันการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักได้ดีถึงประโยชน์ของการใช้พลังงานทดแทน นายเดวิต โง เผยว่า “ในความเป็นจริง คนเวียดนามสามารถใช้เทคนิกและเทคโนโลยีพลังงานสะอาดได้ด้วยตัวเองแล้ว แต่เราต้องมีนโยบายของรัฐเพิ่มอีก อย่างเช่น นโยบายกำหนดราคาไฟฟ้าเพื่อผลักดันให้ประชาชนติดตั้งระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมมากขึ้น”

การพัฒนาพลังงานทดแทนเป็นปัญหาที่ร้อนระอุ ซึ่งเกี่ยวข้องกับความยั่งยืนในระดับโลก นักวิทยาศาสตร์เวียดนามที่อาศัยในต่างประเทศก็มีความปรารถนาว่า รัฐบาลเวียดนามจะมีกลไกนโยบายพัฒนาและผลักดันให้ประชาชนและชุมชนเข้าร่วมการลงทุนเพื่อใช้พลังงานสะอาด โดยเฉพาะมีกลไกกำหนดราคาให้แก่อุปกรณ์ด้านพลังงานสะอาดและให้ความสนใจต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์ในด้านนี้อย่างยั่งยืน ส่วนการประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาพลังงานสะอาดในนครโฮจิมินห์ที่มีประชากรกว่า 10 ล้านคนนับวันยิ่งมีความหมายสำคัญและเร่งด่วน โดยเฉพาะในขณะที่นครโฮจิมินห์กำลังตั้งเป้าหมายยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น.