(VOVworld)-ปี2012 นับเป็นครั้งแรกที่ชาวบ้านต.ถิงเหวือง อ.เงวียนบิ่ง จ.กาวบั่งได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตเกษตรจากการปลูกข้าวไร่มาเป็นการปลูกมันสำปะหลังและผลผลิตที่ได้ก็ช่วยให้ครอบครัวมีฐานะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเป็นการแสดงให้เห็นว่า ชาวบ้านเริ่มเข้าใจและกล้าเปลี่ยนแปลงใหม่เพื่อปลูกพืชที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูงกว่า 

บรรยากาศการซื้อขายมันสำปะหลังที่บ้านของครอบครัวนาย บ่านวันหลุก ต.ถิงเหวืองกำลังเป็นไปอย่างคึกคักโดยปีนี้ครอบครัวของนายหลุกได้ปลูกมันสำปะหลัง1เฮ็กต้าร์และได้ผลผลิตประมาณ5ตันและขายได้ในราคา1.100ด่งต่อกิโลกรัม ถึงแม้จะไม่ใช่ราคาที่สูงนักแต่เขาก็ดีใจเพราะรายได้จากการปลูกมันสำปะหลังสูงกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับการปลูกข้าวไร่การปลูกมันสำปะหลังนั้นไม่ต้องกลัวการเก็บเกี่ยวไม่ได้ผลและไม่ต้องเสียแรงดูแลเมื่อเทียบกับปลูกข้าวไร่ ซึ่งมันสัมปหลังผมขายได้เกือบ5ล้านด่งแต่หากปลูกข้าวจะขายได้เพียง2ล้านเท่านั้น   ครอบครัวของนายหลุกเป็นหนึ่งใน30ครอบครัวในต.ที่เริ่มทดลองการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลุกข้าวไร่ โดยในปีแรกทางบริษัทแปรรูปมันสัมปหลังกาวบั่งจะสนับสนุนพันธุ์ให้แก่ชาวบ้าน พร้อมแนะนำวิธีการปลูกและดูแลเพื่อให้ชาวบ้านทดลองปลูกในพื้นที่ไร่นาส่วนหนึ่ง นาย ลี้วันหิ่ง เลขาธิการพรรคสาขาต.ถิงเหวืองเผยว่าปีนี้เป็นเพียงการปฏิบัติตามโครงการของบริษัทแปรรูปมันสำปะหลังกาวบั่งเป็นการนำร่องเท่านั้น ซึ่งท้องถิ่นของเราก็มีเงื่อนไขที่สะดวกคืออยู่ติดถนนและพื้นที่ไร่นาก็มีจำกัดจึงเหมาะสำหรับการพัฒนามันสำปะหลัง

ต.ถิงเหวืองมี166ครอบครับแต่ส่วนใหญ่ยังมีฐานะยากจน พื้นที่ผลิตเกษตรมีน้อยแถบยังเป็นเขตภูดอยจึงประสบกับอุปสรรคในการแสวงหาพันธุ์พืชที่เหมาะสม รู้จักแต่ปลูกข้าวไร่และเลี้ยงไก่เลี้ยงหมูจนทำให้ชาวบ้านไม่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตได้ ดังนั้นเมื่อมีการก่อสร้างโรงงานแปรรูปมันสำปะหลังกาวบั่งได้รับการก่อสร้างในพื้นที่และแนะนำแนวทางการพัฒนาใหม่ที่มีประสิทธิผลมากกว่าชาวบ้านต่างดีใจ คุณหลีทิห่า นายกสมาคมสตรีของต.เผยว่าก่อนอื่นต้องทำการปลูกทดลองว่าเป็นอย่างไรเมื่อเห็นผลก็จะขยายต่อไป คุณภาพมันสำปะหลังนั้นดีกว่าข้าว อีกอย่างไม่ต้องลงทุนอะไรมากมายเช่นปุ๋ยหรือยาฆ่าแมลง ซึ่งพวกเราหวังว่าทางบริษัทจะให้การช่วยเหลือชาวบ้านต่อไปเพื่อให้ทุกคนพ้นจากความยากจน โดยเฉพาะการกำหนดราคาซื้อเพื่อให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์

มันสำปะหลังจะช่วยให้ทุกบ้านมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น(photo internet)

สำหรับชาวบ้านที่เริ่มทดลองปลูกมันสัมปหลังก็รู้สึกดีใจเพราะปีนี้มีรายได้เพิ่มอีกก้อนหนึ่งแม้จะยังไม่สูงแต่ก็เป็นกำลังใจให้ทุกคนพยายามต่อไป นาย บ่านวันแทง ลูกชายของนาย บ่านวันหลุกเผยว่า หลังการทดลองปลูกครั้งแรกปีนี้ครอบครัวของเขาจะสนับสนุนการปลูกมันสำปะหลังอย่างเต็มที่ ซึ่งปีที่ผ่านมาครอบครัวของเขาทดลองปลูกในพื้นที่1เฮ็กต้าร์ แต่เนื่องจากพื้นที่ไร่นาของนายแทงมีความลาดชันและไกลจากถนนจึงให้ผลผลิตน้อยกว่าครอบครัวอื่นและเขาถือว่านี่คือประสบการณ์เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้ฤดูเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังปีนี้ได้ผลดีกว่า2เท่า ชาวบ้านทุกคนต่างอยากมีรายได้เพิ่มขึ้น เมื่อก่อนปลูกแต่ข้าวโพดต้องดูแลและลงทุนมากพอสมควรแต่กลับไม่คุ้มค่า ปีนี้เปลี่ยนมาปลูกมันสัมปะหลังก็เห็นมีรายได้ที่ดีกว่าจึงให้ความสนใจปรับเปลี่ยนโครงสร้างพืช ครั้งนี้ผมยังไม่ได้เตรียมดินให้ดีจึงมีผลผลิตน้อยปีนี้จะพยายามปรับปรุงสภาพดินให้ดีขึ้นเพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิต
หลังการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังฤดูแรกชาวบ้านทั้ง30ครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการต่างรู้สึกมีความสุขและมีความหวังในอนาคตที่สดใสขึ้นเพราะไม่มีใครคิดเลยว่า มันสำปะหลังจะช่วยให้ทุกบ้านมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและทุกคนต่างปรารถนาว่า มันสำปะหลังจะช่วยให้ท้องถิ่นหลุดพ้นจากความยากจนและชีวิตจะมีความอิ่มนำผาสุขมากขึ้น./.