นักท่องเที่ยวที่มาเยือนและศึกษาเรื่องราวแห่งสัมพันธไมตรีเวียดนาม-ลาว (VNA)

ปี1948 คณะกรรมการเดินหน้าลาว-บั๊กได้รับการจัดตั้งขึ้นรวมสมาชิก14คนที่เป็นทั้งเจ้าหน้าที่เวียดนามและลาว โดยในระหว่างการเดินทางเคลื่อนไหวปฏิวัติประชาสัมพันธ์และรับสมาชิกใหม่ ได้มาพักที่เฟีงซาหรือหมู่บ้านลาวโคปัจุบัน ซึ่งในระหว่างพำนักที่นี่เป็นเวลา1ปี ท่านเลขาธิการใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาว ไกสอน พมวิหาร ได้มาอยู่กับครอบครัวของนาย จ๊างลาวโค ได้รับการดูแลปกป้องจากชาวบ้านเพื่อทำการเคลื่อนไหว ปัจจุบันนี้ในบ้านของนาย จ๊างลาวลื้อ ลูกชายของนักปฏิวัติอาวุโส จ๊างลาวโค นั้นยังคงเก็บรักษาสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆที่คุณพ่อของเขาใช้ในช่วงนั้น เช่นหม้อหุงข้าว เครื่องบดข้าวโพตที่ทำจากหิน นายลื้อเผยว่าตอนนั้นเขาแค่8ขวบเองแต่ก็สามารถเข้าใจงานที่คุณพ่อได้ทำ“ช่วงนั้นลำบากมาก แถวนี้ล้อมรอบด้วยป่า นานๆที พวกศัตรูจากเซียงค้อ-ลาวและจากเอียนโจว์ก็มาสอดแนมแต่ไม่พบอะไรผิดปกติต้องสงสัยพวกมันก็กลับ นายลาวโคและพี่น้องบ้านลาวโคได้ปกป้องเจ้าหน้าที่เวียดมิงห์และท่าน ไกสอน พมวิหาร อย่างปลอดภัย”

นับตั้งแต่ที่ครอบครัวนายจ๊างลาวโครับ นาย ไกสอน พมวิหาร เป็นลูกบุญธรรมแล้วมาพำนักอาศัยที่นี่ หมู่บ้านลาวโคก็ได้กลายเป็นฐานที่มั่นปฏิวัติเวียดนาม-ลาว เพื่อเตรียมเงื่อนไขให้แก่การพัฒนาสร้างฐานที่มั่นปฏิวัติอื่นๆในประเทศลาวช่วงปี1948-1950 แม้จะเป็นช่วงที่ชีวิตมีความลำบากมากแต่ชาวบ้านยังคงให้การช่วยเหลือคณะกรรมการเดินหน้าลาว-บั๊กอย่างเต็มใจทั้งสนับสนุนเรื่องอาหารการกินอยู่และเงินทองเพื่อซื้ออาวุธใช้ในการต่อสู้ ซึ่งนายลาวโคคือผู้ที่นำทางและส่งอาหารเข้าป่าให้แก่เจ้าหน้าที่เวียดมิงห์และนักปฏิวัติลาวที่ซ่อนตัวในถ้ำ เถิ่มเม้ จากที่มั่นแห่งนี้ได้มีเจ้าหน้าที่ลาวจำนวนมากได้รับการฝึกอบรมและกลับไปสร้างสรรค์กองกำลังปฏิวัติในประเทศลาว

หลังจากขบวนการปฏิวัติประสบชัยชนะ สายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างประชาชนในเขตชายแดนสองประเทศยังคงได้รับการธำรงเสริมสร้างต่อไปและพัฒนาแน่นแฟ้นมั่นคงจนทุกวันนี้ หมู่บ้านลาวโคได้กลายเป็นแหล่งประวัติศาสตร์เชิงวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงคุณค่าวัฒนธรรมและความสามัคคีพิเศษระหว่างสองประชาชาติเวียดนาม-ลาว

อนุสาวรีย์แห่งมิตรภาพเวียดนาม-ลาวบนเนินเขา สูง18เมตรที่ถูกออกแบบก่อสร้างตามลักษณะของดอกบัว ดอกจำปา(VNA)

ปัจจุบันนี้ เขตอนุสรณ์สถานเชิงประวัติศาสตร์การปฏิวัติเวียดนาม-ลาวได้รับการก่อสร้างบนพื้นที่ที่เคยเป็นบ้านของครอบครัวนายจ๊างลาวโค โดยเฉพาะมีอนุสาวรีย์แห่งมิตรภาพเวียดนาม-ลาวบนเนินเขา สูง18เมตรที่ถูกออกแบบก่อสร้างตามลักษณะของดอกบัว ดอกจำปา สะท้อนเอกลักษณ์วัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ เป็นความภาคภูมิใจของประชาชนในท้องถิ่นและเป็นแหล่งให้การศึกษาเกี่ยวกับเกียรติประวัติความสามัคคีเวียดนาม-ลาวแก่ชนรุ่นหลัง คุณเบ้ถิวุย ชาวบ้านเอียนโจว์จ.เซินลากล่าวว่า“ในสมัยเป็นนักเรียนดิฉันได้มีโอกาสมาที่นี่หลายครั้งเพื่อศึกษาประวัติศาสตร์และได้ฟังเรื่องราวของคุณลาวโคของประธานไกสอน พมวิหาร รวมทั้งความสามัคคีระหว่างประชาชนสองประเทศ ครั้งนี้กลับมาภายหลัง10ปีดิฉันพาลูกที่กำลังเรียนป2มาด้วยเพื่อให้เขามีความรู้และเข้าใจในสิ่งที่ดีงาม”

ในหมู่บ้านเขตแดน ลาวโค สายสัมพันธ์เวียดนาม-ลาวยิ่งวันยิ่งแน่นแฟ้น มีหนุ่มสาวเวียดนาม-ลาวหลายคู่ได้รักและแต่งงานกันเป็นครอบครัวแห่งมิตรภาพ และปัจจุบันนี้ ชาวบ้านทั้งสองประเทศก็กำลังร่วมแรงร่วมใจสร้างสรรค์ชีวิตที่สันติสุขในเขตชายแดนแห่งมิตรภาพนี้.