ห้องเรียน “ความหวัง”

(VOVworld) – นับตั้งแต่ปี 2011 ที่โรงพยาบาลเด็กส่วนกลางในกรุงฮานอย ได้มีการเปิดห้องเรียนพิเศษสำหรับเด็กที่ป่วยโรคร้ายที่ต้องเข้ารับการรักษาระยะยาวที่โรงพยาบาลแห่งนี้โดยไม่ได้มีโอกาสไปโรงเรียน ซึ่งเป็นผลจากความรักของผู้ที่มีใจกุศลที่ได้ช่วยหลือให้เด็กๆเหล่านี้มีกำลังใจสู้ชีวิตต่อไป

(VOVworld) – นับตั้งแต่ปี 2011 ที่โรงพยาบาลเด็กส่วนกลางในกรุงฮานอย ได้มีการเปิดห้องเรียนพิเศษสำหรับเด็กที่ป่วยโรคร้ายที่ต้องเข้ารับการรักษาระยะยาวที่โรงพยาบาลแห่งนี้โดยไม่ได้มีโอกาสไปโรงเรียน ซึ่งเป็นผลจากความรักของผู้ที่มีใจกุศลที่ได้ช่วยหลือให้เด็กๆเหล่านี้มีกำลังใจสู้ชีวิตต่อไป

ห้องเรียน “ความหวัง” - ảnh 1
ห้องเรียน “ความหวัง”
"สวัสดีครับ พี่ชื่อแองต๊วน เป็นอาสาสมัครของกลุ่มอาสาสมัคร “หัวใจแดง” วันนี้พี่จะสอนวิธีทำกล้องส่องทางไกลให้น้องๆนะครับ เราต้องเตรียมแกนกระดาษชำระ หนังยางเส้นเล็ก กระดาษสีต่างๆ กรรไกร เทปสองหน้าและสีวาดภาพ น้องๆพร้อมไหมครับ"
ห้องเรียนกว้างประมาณ 50 ตารางเมตรที่ตั้งอยู่บริเวณชั้นที่หนึ่งของอาคารหลังหนึ่งของโรงพยาบาล เด็กส่วนกลาง มีชั้นวางหนังสือที่เต็มไปด้วยหนังสือต่างๆ รวมทั้งหนังสือการ์ตูนและสีวาดภาพ ส่วนบนผนังก็ติดกระดาษเล็กๆที่เขียนความหวังของเด็กแต่ละคน อย่างเช่น “หนูอยากหายป่วย” “ขอให้หนูหายป่วย”และ”หนูอยากกลับบ้านกับพ่อแม่”  ตรงกลางห้องมีโต๊ะยาวตัวหนึ่งและนักเรียนพิเศษกำลังนั่งอย่างเรียบร้อย โดยเด็กบางคนไม่มีผมและมีริมฝีปากเขียวเนื่องจากต้องรักษาด้วยการฉายรังสีและเคมีบำบัด เด็กบางคนก็เดินเหินอย่างยากลำบากแต่มีแววตาและรอยยิ้มที่สดใสและตั้งใจฟังครูสอน
"เราต้องเตรียมแกนกระดาษชำระขนาดเท่ากัน 2 อัน น้องๆมีครบแล้วหรือยังครับ วางแกนกระดาษชำระบนกระดาษสี สีอะไรก็ได้ ตามสะดวก แล้วก็ห่อ น้องๆใช้กรรไกรนะครับ ถ้าหากใครปวดมือก็ขอความช่วยเหลือจากพี่ๆนะครับ ใช้กรรไกรตัดกระดาษที่เกินออกมา ผมตัดกระดาษพอดีกับการห่อแกนกระดาษไปแล้ว น้องๆตัดเสร็จหรือยังครับ แล้วทากาวลงบนกระดาษแล้วติดกับแกนกระดาษชำระเข้าด้วยกัน"
ห้องเรียน “ความหวัง” - ảnh 2
แนะแนวให้น้องๆทำกล้องส่องทางไกล
ห้องเรียนพิเศษนี้เริ่มเรียนตอนประมาณ 9 โมงครึ่งหรือ 10 โมงเช้าตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์หลังจากที่เด็กๆทานอาหารเช้าและฉีดยาเสร็จแล้ว ในต้อนเช้าและตอนบ่ายของทุกๆวัน เด็กๆก็พยายามพร้อมหน้า บางทีมีเด็กมาเรียนช้าไปหน่อยเพราะยังเหนื่อยหรือบางคนก็ต้องกลับห้องไปพักผ่อนเนื่องจากรู้สึกเหนื่อยเกินไป หลังจากที่ได้รับการแนะแนว เด็กๆก็ทำกล้องส่องทางไกลเสร็จและยืนขึ้นแนะนำผลงานของตนเอง  “หนูชื่อลานแอง อายุ 12 ขวบ กล้องส่องทางไกลของหนูสีเขียวและสีม่วง มีรูปหมีและเครื่องบิน”
            “หนูชื่อยาลิงห์ อายุ 5 ขวบ อาศัยอยู่ที่จังหวัดเกิ่นเธอ ภาคใต้ของเวียดนาม หนูป่วยเป็นโรคไตอักเสบ หนูมีกล้องส่องทางไกลสีชมพูลายดอกไม้”
ในห้องเรียน “ความหวัง” นี้ เด็กๆได้เรียนคณิตศาสตร์ เรียงความ วาดภาพและเรียนดนตรี โดยการเรียนในทุกวันต่างเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ น้องๆจะได้ฟังเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับตัวอย่างในการสู้กับชีวิต เอาชนะอาการป่วย เรียนร้องเพลงเกี่ยวกับอนาคต วาดภาพและทำของเล่น เป็นต้น ห้องเรียนพิเศษที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะนี้ได้ช่วยให้เด็กๆคลายความเจ็บปวดจากอาการป่วย อาสาสมัครที่มาที่นี่เพื่อให้การช่วยเหลือเด็กๆมีทั้งผู้ที่มีชื่อเสียง ครูอาจารย์และนักศึกษา แม้กระทั่งผู้ที่ไม่ได้ศึกษาในโรงเรียนแต่พวกเขาทุกคนต่างพยายามให้การช่วยเหลือเด็กๆที่ด้อยโอกาสเหล่านี้ คุณฝ่ามแองต๊วน อาสาสมัครของกลุ่มอาสาสมัคร “หัวใจแดง” เผยว่า “ในวันแรกที่มาสอนที่นี่ ผมพบเด็กคนหนึ่งที่มีอายุน้อยมาก หลังจากนั้น 2 เดือน ผมกลับมาก็ยังเห็นน้องคนนั้นอยู่ ผมถามและทราบว่า น้องคนนั้นป่วยเป็นโรคร้ายแรงจึงต้องรักษาตัวระยะยาว ผมไม่สามารถช่วยเหลือเด็กๆในด้านเงินทองได้แต่ผมพยายามทำให้น้องๆมีความสุขในวันที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล บทเรียนที่ผมแนะนำให้น้องๆไม่เน้นการเรียนหนังสือแต่เน้นการพัฒนาด้านวิจิตศิลป์ที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ น้องๆทุกคนต่างมีความปรารถนาที่จะได้รับความเห็นอกเห็นใจ ดังนั้นผมจึงอยากสอนให้เด็กๆสามารถนำของเหลือใช้มาทำประโยชน์ เช่น  แกนกระดาษชำระและเศษกระดาษ เป็นต้น”
ห้องเรียน “ความหวัง” - ảnh 3
เด็กๆตั้งใจเรียน
สมาชิกของห้องเรียนพิเศษนี้ส่วนใหญ่คือเด็กป่วยเป็นโรคร้ายแรงต่างๆ นับตั้งแต่วันที่เปิดชั้นเรียนนี้ เด็กๆที่นี่ต่างมีความสุขมากขึ้น นางเยืองถิมิงทู หัวหน้าแผนกดูแลงานด้านสังคมของโรงพยาบาลเด็กส่วนกลางได้เผยว่า “เด็กๆที่นี่ไม่สามารถเรียนเหมือนเด็กในโรงเรียนธรรมดาได้แต่จากการช่วยเหลือของชุมชน อาสาสมัครและครูอาจารย์ เด็กๆที่นี่จึงได้เรียนทั้งการเขียนตัวอักษรและได้ฟังเรื่องราวความรู้ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีนักร้องมาเล่นเครื่องดนตรีและร้องเพลง พวกเราเรียกว่านี่เป็นห้องเรียนสำหรับผู้ป่วยแต่สำหรับเด็กๆนี่คือเวลาพักผ่อนหย่อนใจ”
แม้ได้เรียนกับเด็กๆแค่ 1 วัน แต่ผู้เขียนบทความก็มองเห็นการใฝ่หาความรู้ การมองชีวิตในแง่ดีและความตั้งใจฝันฝ่าอุปสรรคของเด็กทุกคน ดังชื่อของห้องเรียนนี้ที่ตั้งว่า “ความหวัง” ดังนั้นทั้งเด็กๆและผู้ปกครองต่างมีความเชื่อมั่นและฝันฝ่าอุปสรรคเพื่อใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข./.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด