Nguyen Yen/VOV5 -  
(VOVWORLD) - หอยลวกเป็นของกินเล่นพื้นบ้านของเวียดนาม ส่วนไวโอลินก็เป็นเครื่องดนตรีตะวันตก ซึ่ง 2 สิ่งนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันได้ แต่เจ้าของร้านหอยลวก แอวง อยู่ในตรอกเล็กบริเวณถนนท้ายห่า กรุงฮานอย สามารถทำให้สองสิ่งนี้เข้ากันได้ จนดึงดูดลูกค้ามาอุดหนุนเป็นจำนวนมาก ซึ่งเมื่อมาร้านนี้ นอกจากมีเมนูหอยลวกพร้อมน้ำจิ้มสุดแสนอร่อยแล้ว ลูกค้ายังได้ฟังเจ้าของร้านคือนาย เหงียนวันสี เล่นไวโอลินด้วย ต่อไปนี้ ขอเชิญท่านผู้ฟังร่วมกับผู้สื่อข่าวของสถานีวิทยุเวียดนามไปเยือนร้านหอยลวกและพบปะกับนาย เหงียนวันสี กันนะคะ
นาย เหงียนวันสี |
ถึงแม้เวลายังไม่ถึง 16.00 น. แต่ร้าน “หอยลวก แอวง” ที่ตั้งอยู่ในซอยเล็กๆในถนนท้ายห่าก็มีลูกค้ามาอุดหนุนเต็มร้าน ชื่อของร้านตั้งตามชื่อภรรยา แต่ลูกค้ามาที่นี่ส่วนใหญ่กลับจำสามีของเธอมากกว่า นั่นคือนาย เหงียนวันสี อายุ 63 ปี ตัวไม่สูงนัก ผิวขาว ใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ และชอบพูดเสียงดัง นาย สี กำลังบอกให้ลูกค้าจอดรถให้เป็นระเบียบเพื่อไม่ให้กีดขวางการสัญจรในซอย นาย สี ทำหน้าที่ทั้งเป็นผู้จัดที่จอดรถของลูกค้าและพนักงานเสริฟ เสียงของรถจักรยาน เสียงลูกค้าคุยกันและเสียงของเปลือกหอยลวก โดยเฉพาะเสียงบอกให้จอดรถให้เป็นระเบียบของนาย สี ได้ทำให้บรรยากาศในร้านมีความคึกคักมากขึ้น
ถ้าลูกค้ามาร้านเป็นครั้งแรกก็จะรู้สึกกลัวหน่อย เนื่องจากเสียงพูดที่ดังของเจ้าของร้าน แต่เมื่อหาที่นั่งได้แล้ว ทุกคนต่างก็รู้สึกพอใจ เนื่องจากหอยลวกอร่อย น้ำจิ้มเข้มข้น การบริการที่ดีของเจ้าของร้าน รวมทั้งความเป็นศิลปินของนายสีเมื่อเขาเล่นไวโอลิน
ในพื้นที่เกือบ 10 ตารางเมตรของร้านหอยลวก เสียงไวโอลินที่ไพเราะของนาย สี ได้ทำให้ลูกค้ารู้สึกเพลิดเพลินใจมาก สมัยเป็นวัยรุ่น นาย สี เรียนไวโอลินและได้ร่วมกับวงดนตรีไปแสดงในทั่วประเทศ แต่เนื่องจากชีวิตลำบากจึงทำให้เขาต้องเลิกอาชีพเป็นศิลปิน กลายเป็นคนขนของในสถานีขนส่ง หลังจากนั้นเขาและภรรยาได้เปิดร้านขายหอยลวกจนถึงทุกวันนี้ นาย สี เผยว่า“เมียของผมเปิดร้านหอยลวกเมื่อปี 1993 ในตอนนั้น ผมเป็นคนขนของในสถานีขนส่ง ตอนที่เพิ่งแต่งงาน ครอบครัวลำบากมาก เมียผมก็หาบเร่ขายมะละกอ หลังจากนั้น ก็ไปตลาดซื้อหอยสดนำมาลวกและไปขายที่เขตชุมชนจุงเหลียด ราคาไม่แพงเท่าไหร่ ซึ่งเมื่อมีลูกค้ามาอุดหนุนมากขึ้น ผมก็เลิกทำงานที่สถานีขนส่ง ยาบบ๊าด เพื่อช่วยเมียขายหอยลวก และค่อยๆเช่าร้านที่ถนนท้ายห่า แต่เมื่อปี 2007 เมื่อทางการกรุงฮานอยห้ามขายของริมฟุตบาท ผมและเมียจึงเปิดร้านที่บ้านเอง”
หอยใหญ่ขนาดเท่าๆกัน น้ำจิ้มอร่อย |
ครอบครัวนายสีได้ประกอบอาชีพนี้ตามหลักการคือ “อร่อย มีประโยชน์และราคาถูก” ดังนั้น ร้านหอยลวกของเขาที่เปิดตั้งแต่เวลา 14.00 น. ถึง 21.00 น. นั้นมีลูกค้ามาอุดหนุนแน่นร้านทุกวัน นาย สี เผยว่า ถึงแม้ชีวิตจะลำบากแต่ก็ไม่ทำให้เขาลืมความหลงไหลและความรักไวโอลิน และแนวคิดเล่นไวโอลินที่ร้านก็เพื่อทำให้บรรยากาศของร้านมีความคึกคักมากขึ้น และเป็นโอกาสให้เขาได้แสดงความรักดนตรี“สำหรับผู้ที่รักดนตรี ผู้ที่เข้าใจดนตรีหลายแนว ผมก็จะเล่นไวโอลินให้ฟัง เพราะผมก็มีความหลงไหลดนตรีด้วย”
นับตั้งแต่ย้ายร้านหอยลวกมาเปิดที่บ้านเมื่อปี 2007 นาย สี ก็เริ่มเล่นไวโอลินให้ลูกค้าฟัง เมื่อมีเสียงไวโอลิน ลูกค้าก็มาร้านเพิ่มมากขึ้น บางคนมาร้านเนื่องจากหอยลวกอร่อย บางคนก็อยากพบปะกับนาย สี และบางคนก็คิดถึงเสียงไวโอลินของนาย สี ลูกค้าส่วนใหญ่คือนักศึกษาและเจ้าหน้าที่ข้าราชการ“พอทานหอยลวกและได้ฟังไวโอลินทำให้ดิฉันรู้สึกมีความสุข ดิฉันมาที่นี่บางครั้ง ดิฉันรู้จักร้านหอยลวกนี้เพราะเพื่อนแนะนำ หอยลวกสะอาด น้ำจิ้มอร่อย เสียงเสียงไวโอลินก็ไพเราะทำให้ดิฉันรู้สึกผ่อนคลาย ดิฉันเป็นลูกค้าของร้านนี้กว่า 1 ปีแล้ว”
“ดิฉันเป็นลูกค้าขาประจำของร้านหอยลวกนี้ ดิฉันมาที่นี่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ไม่มาที่นี่ก็ทำให้ดิฉันคิดถึงเสียงไวโอลินของคุณลุง สี หอยใหญ่ขนาดเท่าๆกัน น้ำจิ้มอร่อย ดิฉันฟังคุณลุง สี เล่นไวโอลินหลายครั้งแล้ว เวลาฟังทำให้ดิฉันรู้สึกผ่อนคลายความตึงเครียดภายหลัง 1 วันที่ทำงานอย่างเมื่อยล้า”
“ดิฉันมาที่นี่ครั้งแรก ดิฉันทานหอย 3 ถ้วย ดิฉันจะกลับมาร้านนี้อีกเพราะหอยลวกอร่อยมาก ดิฉันไม่กลัวว่า ร้านจะอยู่ไกล ร้านหอยลวกอร่อยดิฉันก็จะมาที่นี่อีก”
ร้าน “หอยลวก แอวง” ที่ตั้งอยู่ในซอยเล็กๆในถนนท้ายห่ามีลูกค้ามาอุดหนุนเต็มร้าน
|
ในตลอดกว่า 20 ปีที่ขายหอยลวก นาย สี ได้ให้บริการลูกค้าหลายคน และก็มีลูกค้าพิเศษหลายคนซึ่งทำให้เขาจดจำไม่เคยลืม“ผมยังจำได้ว่า มีสามีภรรยาคู่หนึ่งและลูก 2 คนขับรถจากเขตลองเบียนมาที่นี่ในค่ำวันหนึ่งตอนปลายเดือนกุมภาพันธ์ปี 2014 ซึ่งตรงกับช่วงตรุษเต๊ต ลูกค้าบอกว่า ผมทราบจากทางสื่อว่า พี่สามารถเล่นไวโอลินได้ เดี๋ยว ผมทานหอยเสร็จแล้ว ขอให้พี่เล่นไวโอลินบทเพลงของนักดนตรี จิ่งกงเซิน ดนตรีปฏิวัติและดนตรีคลาสสิค .... ผมดีใจมาก นี่คือเงิน 2 แสนด่งผมจ่ายค่าหอยลวก แต่ผมอยากให้อีก 2 แสนด่งเป็นอั่งเปาในโอกาสปีใหม่ตามประเพณี ผมไม่เอา ผมไม่ได้เล่นไวโอลินเพื่อเงิน แต่เขาก็บอกว่าอยากมอบอั่งเปาในโอกาสตรุษเต๊ต เขามีความหลงไหลดนตรีจึงอยากศึกษาก็มาหาโดยไม่กลัวว่า ต้องเดินทางไกล หรือมีลูกค้าคนหนึ่งจากเยอรมนีกลับเวียดนามได้ทราบว่า มีร้านหอยลวกที่เจ้าของเล่นไวโอลินให้ฟังก็มาหาเช่นกัน หลังจากทานหอยลวกและฟังไวโอลินเสร็จ เขาก็มอบเงิน 10 ยูโรเป็นของที่ระลึกให้แก่ผม”
พวกเราอำลานาย สี เมื่อพระอาทิตย์ตกพร้อมความในใจของนาย สี ที่บอกกับเราว่า“ผมจะสืบทอดอาชีพนี้ให้แก่ลูก ผมมีลูก 2 คน คนโตเกิดเมื่อปี 1993 คนที่สองกำลังเรียนที่มหาวิทยาลัยคมนาคมขนส่ง ผมจะให้ลูกดูแลร้านนี้ เพราะผู้ที่มีชื่อเสียงและดารายังมีอาชีพเสริมคือเปิดร้านอาหาร ในขณะที่เรามีร้านอาหารนี้แล้วเราก็ควรทำต่อไป”
ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ถ้าคุณผู้ฟังว่างก็ลองเชิญญาติมิตรและเพื่อนฝูงมาลองทานหอยลวกที่ร้านนี้นะคะ รับรองว่า จะต้องประทับใจต่อความเป็นกันเองของเจ้าของร้านอย่างแน่นอน.
Nguyen Yen/VOV5